วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564

Come and See [2021] เอหิปัสสิโก สารคดีล้มยักษ์ธรรมกาย ธัมมชโย

 Come and see

เอหิปัสสิโก หนังสารคดีที่ได้เข้าโรงใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กำกับโดย ไก่ ณฐพล บุญประกอบ เป็นเรื่องราวของเหตุการณ์ช่วงที่วัดธรรมกายเจอความเปลี่ยนแปลงจากการเข้าทำคดีของดีเอสไอ และการหายตัวไปของธรรมชโย และเหตุการณ์หลังจากนั้น

ลักษณะของสารคดีเรื่องนี้คือการนำฟุตเตจเหตุการณ์ในขณะนั้นเข้ามาตัดต่อร่วมกับการสัมภาษณ์บุคคลต่าง ๆ ได้แก่ 

  • อุบาสิกา คุณบำเพ็ญที่เป็นศิษย์วัดมาอย่างยาวนาน เล่ามุมมองของตนตั้งแต่มาวัด การชักชวนคนนั่งสมาธิ ผลจากการนั่งสมาธิ การร่วมต่อสู้กับทางการ และความคิดยอมตายเพื่อศาสนา
  • ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ตอนนี้เป็น สส นั่งอยู่ในสภา ก็มีบทสัมภาษณ์ออกมาให้ความเห็นว่าธรรมกายไปท้าทายรัฐบาล คสช ในยุคนั้น จนเป็นเหตุให้ต้องถูกทำลาย 
  • นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ กล่าวว่า ศาสนาพุทธในไทยนั้นพยายามหาคำตอบให้กับบทบาทที่มีต่อสังคมไทยคืออะไร ธรรมกายก็กำลังหาคำตอบนี้อยู่ ถึงแม้ธรรมกายจะจบสิ้นไป พุทธที่เหลืออยู่ก็ยังไม่มีคำตอบ
  • พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ คำสอนของธรรมกายกำลังกลืนคำสอนแบบเถรวาทที่กำลังสอนกันในสังคมไทย
  • มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ธัมมชโย พยายามสร้างให้ตัวเองมีฐานะเป็น ต้นธาตุต้นธรรม ของธรรมกาย ซึ่งจะหมายถึงผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ได้เป็นเพียงแค่พระเจ้าอาวาสธรรมดา
ส่วนตัวไม่อยากไปตัดสินความเชื่อใคร ว่าผิดหรือไม่ผิด ความจริงหรือความถูกต้องก็เพียงเป็นปัจจัยที่ดำรงอยู่ ณ ขณะหนึ่งเท่านั้น ในภายหน้าสิ่งที่เราว่าผิดอาจกลายเป็นถูกก็ได้ 

ส่วนตัวมองว่าสารคดีเรื่องนี้เล่าว่าธรรมกายมีอิทธิพลอย่างไร เข้าไปถึงในทุกวงการแม้แต่วงข้าราชการ คหบดี ประชาชน จนเราจะเห็นประโยคที่มาพร้อมกับวัดธรรมกายคือการซื้อบุญ คนเชื่อก็มีบอกว่า ธรรมกายไม่ได้บังคับ แต่เพราะตัวเองทุ่มเอง มีคนที่ทำบุญสิบสี่ล้านยิ่งทำยิ่งรวย แต่ก็มีคนที่ทำบุญขายบ้านไปสามหลังจนครอบครัวแตกแยก เพราะคำว่าบุญ 

พิธีการที่ยิ่งใหญ่ ขบวนแห่ ที่ไม่เคยเห็นในวัดทั่วไปก็ได้เห็นในธรรมกาย เราจะมองเห็นได้ถึงความปีติของสาวก ความสุขของคนที่อยู่ในขบวน ที่เชื่อว่าปลายทางนั้นคือสวรรค์ที่เราได้ทำบุญไว้

ธัมมชโยมีความผิดในฐานรับของโจร ร่วมกับฟอกเงิน ซึ่ง DSI เข้าปิดล้อมพื้นที่วัดจนมีคนตายสองคน คนหนึ่งเป็นหญิงที่มีโรคประจำตัวคือโรคหืด ตายเพราะถูกปิดกั้นทางเข้าออก ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐปฏิเสธความรับผิดชอบ อีกคนหนึ่งเป็นชายที่ฆ่าตัวตายเพราะประท้วงการใช้อำนาจรัฐ กรณีนี้วัดปฏิเสธบอกว่าไม่ใช่ลูกศิษย์วัด

การบุกค้นจบลงที่การปะทะ เราจะเห็นภาพพระเณรและศิษย์วัดออกมาตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วยอารมณ์ .. ถึงแม้ว่าสุดท้ายเจ้าหน้าที่จะไม่ได้ตัวธัมมชโย เห็นแค่เพียงเตียงและหมอนที่ถูกวางไว้ลักษณะคล้ายกับคนนอนอยู่เท่านั้น จนถึงวันนี้ธัมมชโยก็ไม่ปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกเลย

สิ่งที่น่าสนใจในการออกมาตอบโต้ของคณะลูกศิษย์ของธรรมกายคือการที่บอกว่าวัดจะส่งตัวพระธัมมชโยก็ต่อเมื่อกระบวนการยุติธรรมเชื่อถือได้ ไม่ได้ตกอยู่ในมือของ คสช ที่มีอำนาจสั่งการได้ตามอำเภอใจแบบนี้

ส่วนตัวยังมองว่าหนังยังนำข้อเท็จจริงออกมาได้ไม่มากพอ และคิดว่าไม่ควรเอาเข้าโรงฉายด้วยซ้ำไป เหมือนหนังสารคดีเรื่องนี้มาด้วยกระแส ว่าโดนแบน แล้วมีอินฟลูเอนเซอร์รีวิวในทวิตเตอร์ชวนกันให้ไปดู ทั้งที่ความจริงที่หนังถ่ายทอดออกมา กับสิ่งที่ประชาชนรับรู้มาโดยตลอดนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันไปมากนัก นักวิชาการหรือคนที่มาให้ข้อมูลในหนัง ก็ไม่ได้เพิ่งออกมาพูดในหนังเรื่องนี้ แต่พูดมาโดยตลอด หากคนที่ติดตามเหตุการณ์นี้ก็จะทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น

สารคดีเหมือนเรียบเรียงทุกอย่างมาให้เราดูอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการเรียบเรียงนั้นจะไม่ใช่เส้นตรงเสียทีเดียว อาจจะเพื่อให้เรากระตุกต่อมคิดหรืออะไรก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่าหนังไม่พร้อมที่เข้าฉายในโรง เมื่อเทียบกับเงิน 280 บาทที่ต้องเสียไป กับการดูหนังหนึ่งครั้ง 


เอหิปัสสิโก


ไม่มีความคิดเห็น: