เช้านี้ได้ดูภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Forest ที่กำกับโดย Jason Zada ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความน่ากลัวของป่าฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นคือ ป่าอาโอกิกาฮาระ (Aokigahara Suicide Forest) โดยเริ่มต้นเรื่องราวของคู่แฝดคู่หนึ่งคือ ซาร่าห์ และเจสส์
โดยแฝดคนหนึ่งทำงานอยู่อเมริกา แต่เจสส์แฝดอีกคนกลับเรื่องชีวิตเป็นอาจารย์ในญี่ปุ่น ซึ่งสาเหตุการหายไปของเธอคือการที่เธอเป็นอาจารย์คุมเด็กไปเดินทางทัศนะศึกษาในป่าฆ่าตัวตายแห่งนี้ ซึ่งพอเธอออกจากเส้นทาง ทำให้เธอไม่สามารถกลับออกมาได้ จนทุกคนคิดว่าเธอตายแล้ว
แต่แฝดของเธอ ซาร่าห์ เชื่อว่าเจสส์ยังไม่ตาย เพราะเธอสามารถบอกได้ว่าเจสส์ยังมีชีวิตอยู่ผ่านสายสัมพันธ์ของแฝด ทำให้เธอนั่งเครื่องข้ามทวีปมาญี่ปุ่น พร้อมเดินทางเข้าไปตามหาเจสส์ในป่าสยองขวัญนี้
สิ่งที่เธอทำได้คือการผูกสัมพันธ์กับผู้ชายที่เธอรู้จักในบาร์ และมีความชำนาญเรื่องป่า เพราะเขาเป็นนักเขียนชาวออสเตรเลียที่ทำงานเขียนบทความให้กับนิตยสารแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็ขอบันทึกเรื่องราวของเธอไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม เขาก็แนะนำว่าเธอไม่ควรเข้าไปที่นั่น เพราะป่าจะใช้ความเศร้าของเธอมาชักจูง หลอกลวงเธอให้ทำเรื่องอันตรายและบ้าคลั่ง จนสุดท้ายเธอจะไม่ได้กลับมา
ความพยายามของเธอทำให้ เอเดน แนะนำให้รู้จักกับไกด์พื้นที่ชื่อ อิจิ ซึ่งเขาเป็นคนพาทั้งคู่เข้าไปในป่า ระหว่างนั้น ซาร่าห์พบเต๊นท์ของเจสส์ที่ถูกทิ้งไว้กลางป่า จนทำให้เธอยืนยันที่จะค้างคืนอยู่ที่นั่น ถึงแม้ไกด์จะห้ามอย่างหนักแน่นก็ตามที
และนั่นทำให้เธอพบกับความน่ากลัวของป่าแห่งนี้ โดยหนังบอกเราว่า ความน่ากลัวนั้นเป็นสิ่งที่ป่าทำให้เราเห็น เห็นมาจากในหัวของเราเอง ทั้งที่มันอาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้
บทสรุปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น แนะนำให้ติดตามดูกันเอง แต่ส่วนตัวยังมองการนำเสนอของป่าแห่งนี้ได้ไม่น่ากลัวเท่าที่ควร น่าจะชูจุดของการเป็นป่าฆ่าตัวตาย และป่าของการนำผู้อ่อนแอมาทิ้งในป่าแห่งนี้ให้มากขึ้นมากกว่าคำบอกเล่าที่ผ่านตัวละครในหนัง อีกอย่าง ผีที่ซาร่าห์เจอดูเหมือนจะเป็นผีที่ไม่มีที่มาที่ไป ทำให้ความน่ากลัวของหนังลดลง เพราะความสงสัยของผู้ชม
แต่หนังดูเพลิน ๆ ได้ไม่ติดใจอะไร ยกเว้นตอนจบที่ดูจะต้องการหักมุมไปหน่อย Netflix: The Forest
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น