วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

The Devil on Trial [2023] สารคดีที่เล่าจากชีวิตจริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง The Conjuring: The Devil Made Me Do It

The Devil on Trial

เรื่องเกิดจากที่เดวิดได้ช่วยครอบครัวของพี่สาวย้ายบ้าน ในบ้านหลังใหม่นั้นเขาได้เจอสิ่งแปลกประหลาดบางอย่าง จนเขาวิ่งออกมาและบอกแม่ว่าเขาต้องการกลับบ้านให้เร็วที่สุด พวกเขากลับบ้าน พักผ่อน รับประทานอาหารเย็น ทุกอย่างเหมือนปกติดีจนกระทั่งหลังมื้ออาหารที่เดวิดอธิบายให้กับครอบครัวฟังว่าเขาเห็นอะไรในบ้านหลังใหม่ของพี่สาวนั้น

เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างใกล้เข้ามาในขณะที่เขากำลังกว่าพื้นอยู่ เขาถูกผลักลงไปบนเตียง เห็นภาพคล้ายกับปีศาจในวันฮาโลวีน ดวงตาสีดำสนิท เขาบอกกับครอบครัวว่า ปีศาจนั้นต้องการวิญญาณของเขา ซึ่งแน่นอนว่าในตอนแรกครอบครัวของเขาไม่เชื่อ จนกระทั่งคืนนั้นเอง เดวิดรับรู้ได้ถึง่วามีอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาที่บ้านของครอบครัวเขาและรู้สึกหวาดกลัว เมื่อสิ่งนั้นใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเขาต้องลุกออกมาดูนอกหน้าต่าง เขาเห็นเงาร่างคล้ายกับคนกำลังจ้องมองดูเขา แต่ในขณะนั้นเองที่รอของเล่นเกิดเสียงดังขึ้นมานั้น จังหวะที่เขาหันกลับไปมานั้นเงาร่างนั้นก็หายไป

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวของเขากังวล และได้ติดต่อบาทหลวงให้มาทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายและขอพรให้กับที่บ้าน จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เดวิดตื่นขึ้นมาพร้องกลับเสียงกรีดร้องแบบสุดเสียง บ้านของเขาสั้นเหมือนมียูเอฟโออยู่ด้านบนบ้าน มีสิ่งของแตกเสียหาย ไฟดับดับติดติด เดวิดร้องว่ามันอยู่ในบ้าน มันอยู่บ้าน บ้านสั่นอยู่ประมาณสามสิบถึงสี่สิบวินาทีแล้วทุกอย่างก็เงียบไป จนกระทั่งรูปปั้นพระเยซูตกลงมาแตก จนตอนนั้นเองที่ทุกคนรู้ว่าพวกเขาพบกับวิญญาณชั่วร้านยและต้องการความช่วยเหลือ และพวกเขาต้องการที่จะขับสิ่งชั่วร้ายนั้นออกไป

จนกระทั่งพวกเขาได้เจอกับคู่สามีภรรยานักจัดการผี เอ็ดและลอเรน วอเรน ที่เรียกตัวเองว่า นักปีศาจวิทยา ซึ่งเป็นที่รู้จักจาก Amityville Horror กรณีที่ชายหนุ่มคนหนึ่งฆาตกรรมคนในครอบครัวเพียงเพราะเขาได้ยินเสียงสั่งให้เขาทำ โดคยเคสนี้นั้นเอ็ดกับลอเรนต้องการพิสูจน์สิ่งที่ครอบครัวของเดวิดบอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยเอ็ดได้ถามคำถามท้าทายปีศาจในบ้านหลังนี้ว่าหากมีอยู่จริงให้เคาะโต๊ะสามครั้ง เพียงแค่ชั่วอึดใจนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงแบง แบง แบง เหมือนเอาค้อนมาทุบลงบนพื้นห้องอย่างแรง แสงจากโคมไฟกระพริบไปมา ทั้งห้องในขณะนั้นเหมือนสั่นไปหมด โดยที่ทุกคนรู้สึกได้ 

ในขณะที่เดวิดเองก็บอกว่า พวกเขาทั้งหมดจะถูกลงโทษเนื่องจากครอบครัวเขาได้บอกเรื่องราวนี้ให้กับเอ็ดและลอเรน โดยลอเรนเองนั้นได้เห็นกลุ่มเงาดำที่เป็นปีศาจยื่นอยู่ข้างเดวิดในขณะนั้นด้วย ยิ่งทำให้ทั้งครอบครัวรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก 

การพบกับปีศาจครั้งนี้ของเดวิดนั้น ปีศาจเริ่มมีอำนาจเหนือเดวิด เขาสามารถสั่งการให้เดวิดทำอะไรบางอย่างได้ หรือสื่อสารกับคนอื่นผ่านเดวิด ซึ่งอาาจะทำให้คนรอบข้างมองเดวิดว่ามีพฤติกรรมที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด โดยหลังจากนั้นสองสามีภรรยาเอ็ดและลอเรนได้แนะนำให้ครอบครัวทำการบันทึกหลักฐานเพื่อส่งให้กับคริสตจักรเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยพวกเขาจะช่วยเรื่องการติดต่อให้ ทำให้หลังจากนั้นทั้งครอบครัวเริ่มทั้งบันทึกภาพและเสียงตลอดเวลาเพื่อบันทึกเป็นหลักฐานไว้ทั้งหมด พวกเขาผลัดเวรกันเฝ้าดูเดวิด จนกระทั่งคืนหนึ่งเดวิดมีอาการถูกผีเข้า มีเสียงพูดของปีศาจ การกระทำที่ใช้ความรุนแรงและการต่อว่ามารดาของตน ทุกคนในครอบครัวทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้จะพยายามสวดมนต์แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร จนกระทั่งเดวิดหมดสติไปในที่สุด

เดวิดเริ่มทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว พฤติกรรมของการถูกผีเข้าเริ่มมีระยะเวลานานขึ้น จากนาทีเป็นชั่วโมง คนในครอบครัวเริ่มเป็นกังวล ในขณะที่พ่อของเดวิดคิดว่าเขาเป็นโรคทางจิตเวชและคนในครอบครัวเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เดวิดมีอาการรุนแรงขึ้น ทำให้เขาไม่ยอมรับเรื่องนี้และปลีกตัวเองออกไป เขาทำงานกลับมาบ้านแล้วนอนแล้วกลับออกไปเท่านั้น ซึ่งกว่าที่พ่อของเดวิดจะยอมรับได้ เรื่องมันก็สายเสียแล้ว

โดยเมื่อครอบครัวติดต่อสามีภรรยาเอ็ดและลอเรนอีกครั้ง พวกเขาได้รับการยืนยันว่า เดวิดอยู่ในช่วงของปีศาจเข้าสิงเสียแล้ว โดยเป้าหมายของการเข้าสิงสุดท้ายแล้วไม่มีอะไรมากไปกว่าการพังทลายของครอบครัวและความตายของใครคนใดคนหนึ่ง พวกเขาตัดสินใจว่าต้องทำพิธีไล่ผี

โดยไม่มีใครรู้ว่าการทำพิธีไล่ผีของทางโบถส์นั้นต้องการเอกสารเพื่อยืนยันมากมายก่อนที่จะทำพิธีไล่ผีได้ ซึ่งเอ็ดและลอเรนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้กับทางโบถส์ และพวกเขาได้รับการตอบรับ คาร์ดินัลองค์หนึ่งเดินทางมายังครอบครัวของเดวิด หสึ่งเดือนหลังจากนั้นพวกเขาได้รับเชิญไปยังโบถส์แห่งหนึ่งเพื่อทำพิธี

ใจขณะที่บาทหลวงทำพิธีไล่ผีนั้น พวกเขารับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป ตัวของเดวิดกระตุกจากข้างหนึ่งไปข้างหนึ่ง กรีดร้องและพยายามทำร้ายบาทหลวงที่กำลังทำะิธี ร่างกายของเดวิดบิดงอในลักษระที่ท่าทางปกติไ่สามารถทำได้ โดยในขณะนั้นเดวิดได้ทำการต่อว่าพระเยซูเจ้าไปด้วย จนมีจังหวะหนึ่งที่เอาไม้กางเขนไปวางไว้บนหน้าผาก พวกเขาได้ยินเสียงไหม้ออกมา จนขณะนั้นลิ้นของเดวิดได้ขยายใหญ่ขึ้นจนจุกปากไม่สามารถหายใจได้ ตัวเริ่มเป็นสีเขียว พวกเขาเริ่มเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวัง จนกระทั่ง อาร์น แฟนของพี่สาวเดวิดได้ตะโกนออกมาว่าให้ปล่อยเด็กคนนี้ไป ให้เอาตัวเขาไปแทน ตอนนั้นเองประตูได้ถูกเปิดรับให้กับปีศาจ 

เดวิดมีอาการดีขึ้น ผีถูกไล่ออกไป ครอบครัวคิดว่าทุกอย่างมันจบแล้ว จนกระทั่งในจังหวะที่ทุกอย่างมีความสุขดี การตายก็เกิดขึ้น เดวิดได้รับสายจากพี่สาวว่าเพื่อนและเจ้านายของเธอเสียชีวิต คนที่ทำร้ายเขาคือ อาร์น ผู้ที่เอ่ยปากท้าทายปีศาจในขณะที่ทำพิธีไล่ผีว่าให้เอาเขาไปแทนนั้นเอง

ตำรวจได้รับการบอกเล่าว่า แฟนของพี่สาวเดวิดกับเจ้านายได้ดื่มเหล้าและมีปากเสียงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นเขาได้เอามีดแทงเจ้านายของเขาจนตาย ซึ่งพี่สาวของเดวิดเล่าว่าแฟนของเธอน่าจะเดินทะลุไปทางป่าที่อยู่ใกล้ ๆ กันเพื่อกลับบ้าน ในขณะที่เดวิดเห็นภาพนิมิตว่าแฟนพี่สาวกำลังเดินกลับมาหาเขาที่บ้านของครอบครัว และสังหรณ์ว่าแฟนพี่สาวกำลังถูกปีศาจเข้าสิงและกำลังเดินกลับมาฆ่าเขา แต่ก่อนที่เหตุการณ์ร้ายจะเกิดขึ้น แฟนของพี่สาวเดวิดได้ถูกจับตัวไว้เสียก่อน

หลังจากนั้น อาร์น แฟนพี่สาวของเดวิดให้การว่าเขาจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้ และไม่มีทางทำร้ายใครแน่นอน ตำรวจจับคนผิดแล้ว 

The Devil Made Me Do It คือประโยคที่ทนายของอาร์นใช้ในการต่อสู้ในชั้นศาล และกลายเป็นคำที่นักข่าวเอาไปใช้ต่อต่อกันไป 

ในขณะที่อีกทางหนึ่งเอง พี่ชายคนโตของเดวิด "คาร์ล" ก็ให้ความเห็นว่าครอบครัวของเขาที่ดูเหมือนจะศรัทธาในพระเจ้านั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เอ็ดและลอเรนเองก็ไม่ได้มีท่าที่ว่าต้องการจะช่วยจริงจัง หากแต่ต้องการมาบันทึกเรื่องราวของพวกเขามากกว่า ในคืนหนึ่งที่เดวิดมีอาการถูกผีเข้าและแม่ของเขาเริ่มเสียสตินั้น พ่อของพวกเขาเดินเข้ามาแล้วทำการหยิบเดวิดออกมาแล้วตบหน้าเขาแล้วบอกว่าหยุดได้แล้ว แน่นอนว่าผีตัวนั้นสงบลงและกลับไปนั่งเรียบร้อย ในคืนที่เกิดเหตุฆาตกรรมนั้นเขาเองก็อยู่ด้วยและเห็นการหมดลมต่อหน้าต่อตาเขานั้นเอง

ข้อมูลอีกทางหนึ่ง "คาร์ล" เผยว่า อาร์น แฟนสาวของเด็บบี้ พี่สาวของเดวิด นั้น ทะเลาะกับ อลันผู้ตาย  เนื่องจากรู้ว่าเด็บบี้และอลันนั้นอาจจะคบชู้กัน และคิดว่าการอ้างว่าการถูกผีเข้าของอาร์นนั้นเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา สุดท้ายแล้วศาลไม่เชื่อการผีเข้าของอาร์นและจับเขาเข้าคุเป็นเวลา 10-25 ปี ครอบครัวเสียใจมาก 

แต่คาร์ลเห็นต่างออกไป พวกเขาได้รับชีวิตที่ดีขึ้นจากเรื่องนี้ เดวิดไม่เคยถูกผีเข้าอีกเลย แม่ของเขาออกรายการทีวี ได้เดินทางไปฮอลลีวู้ด เรื่องราวของพวกเขาได้ถูกเขียนเป็นหนังสือโดยเอ็ดและลอเรน แต่แม่ของพวกเขาได้รับเงินเพียง 4,500 ดอลลาร์ในขณะที่คู่สามีภรรยานักจัดการผีนั้นได้รับเงินถึง 81,000 ดอลลาร์จากหนังสือเล่มนั้น แถมยังได้รับเงินเพิ่มจากการที่หนังสือถูกทำไปเป็นหนังอีกด้วย อลันมองว่าคู่สามีภรรยาเอ็ดลอเรนนั้นเป็นนักต้มตุ๋น 

เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิตลง คาร์ลได้อ่านบันทึกของแม่และพบว่าแม่ของเขาใช้ยา Sominex ซึ่งเป็นยานอนหลับลงในอาหารเย็นของครอบครัวเสมอ ๆ ซึ่งอาการข้างเคียงของยานี้คือ ประสาทหลอน อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ซึ่งอาการผีเข้าของเดวิดนั้นอาจจะมีผลมาจากผลข้างเคียงของยานี้ได้ แต่ตัวของเดวิดเองก็ไม่เชื่อเรื่องนี้เขายังเชื่อว่าเขาถูกผีเข้าและเชื่อว่าแม่ของเขาดูแลเขาด้วยดีเสมอมา 



ไม่มีความคิดเห็น: