วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Target (2018) หนังอินโดนีเซียแนว Battle Royale


วันนี้ผมได้ดูหนังในเน็ตฟลิกซ์อีกเช่นเคย เป็นหนังจากประเทศอินโดนีเซียเพื่อนบ้านเรานี่เอง ชื่อ Target หนังเพิ่งสร้างออกมาในปีนี้เอง แนวคิดของหนังเป็นเช่นเดียวกับการ Battle Royale คือการจับคนกลุ่มหนึ่งมาอยู่ในที่แห่งเดียวกัน แล้วบังคับให้ฆ่ากันเอง

ในหนังเรื่องนี้มีกลุ่มคนที่เป็นเซเลปในสังคมออนไลน์จำนวน 9 คน ถูกจับมาอยู่รวมกันในตึกร้าง เพื่อสร้างเป็นหนังที่ชื่อว่า Target โดยเหตุการณ์ทั้งหมดในตึกจะถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องวงจรปิด และจะถูกนำไปสร้างเป็นหนังในที่สุด 

ตอนแรกที่อ่านเรื่องย่อของภาพยนตร์ ผมเลยคิดว่าตัวหนังต้องสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อเอาตัวรอด หรือไม่ต้องหาทางเข้าถึงตัวเกมมาสเตอร์ที่อยู่ในกลุ่มของคนทั้งเก้า แต่เหตุการ์กลับผิดคาดมาก ตัวหนังพยายามเอาทางตลกเข้าแทรกแบบผิดจังหวะมาก ทำให้ตัวหนังตลกฝืดมากทั้งที่ควรออกมาเป็นแนวเครียดเอาตัวรอด

แต่ความฝืดของหนังทำให้ผมดูจนจบ เพราะอยากรู้ว่าสุดท้ายจะจบอย่างไร ใครจะรอดและใครคือผู้ร้ายที่แท้จริง ซึ่งหนังแอบทำให้แปลกใจเล็กน้อยตรงที่พยายามหักมุม ว่าคนฆ่าที่แท้จริงคือใคร แต่การเฉลยทำได้แย่มาก ไม่มีการลุ้นใดใดทั้งสิ้น อีกทั้งการเฉลยปมของเรื่องเองก็ยังไม่หนักแน่นเพียงพอ เหมือนกับการที่คนร้ายออกมาสารภาพตัวเองมากกว่า ทำให้ความสนุกตอนท้ายเรื่องลดลงจนถึงจุดต่ำสุด

หลังจากที่ชื่นชมไปกับหนัง May the Devil Take You (2018) Sebelum Iblis Menjemput: สัญญาปีศาจ ที่เป็นหนังจากอินโดนีเซียด้วยกัน แต่มาเรื่องนี้กลับผิดหวังไปหน่อย ขอให้หนังเรื่องต่อไปที่ดูจะสนุกกว่านี้

จนถึงตอนนี้แล้ว ผมก็ยังคิดว่าผู้กำกับพยายามทำให้หนังออกแนวตลก แต่กลายเป็นออกมาผิดที่ผิดทางไปหมด เลยฝืดขึ้นคอแทน

รายละเอียดเพิ่มเติม
IMDb: Target (2018) 4.5/10
Wikipedia: Target (film 2018)


วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Audrey x Hungry Hub | All You Can Eat บุฟเฟต์หัวละ 555฿ คุ้มจนเกินคุ้ม


เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปกินบุฟเฟต์ร้านออเดรย์ โซน Zpell ชั้นสอง @ Future Park Rangsit ซึ่งเพิ่งทราบว่ามันมีบุฟเฟต์ด้วย (เดินผ่านบ่อยแต่ไม่เคยสังเกตเลย) ราคาบุฟเฟต์หัวละ 555 บาท (โปรโมชันลดจากเดิม 789 บาท) ที่ดีคือราคานี้เป็นราคาสุทธิแล้ว ไม่เพิ่มภาษี หรือค่าบริการใดใดทั้งสิ้น คุ้มมาก  ส่วนตัวคิดว่าคุ้มค่ากว่า Mo-Mo-paradise ที่กินไปเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งจ่ายราคาเต็มแล้วตกคนละ 616 บาท

ซึ่งทางร้านจะให้แสกน QR Code เข้าระบบไปจองคิวในแอพก่อน ซึ่งหากเป็นสาขาอื่น พนักงานแจ้งว่าต้องเข้าตามเวลา แต่สาขานี้สามารถเข้าได้เลย ไม่ต้องรอ ขั้นตอนจองผ่านแอพใช้เวลาประมาณ 5 นาที ยุ่งยางหน่อยแต่เพื่อความคุ้มค่านี้ยอมได้

จุดเด่นของบุฟเฟต์นี้คือในราคา 555 บาท คุณสามารถทานอะไรก็ได้ รวมถึงเค้กในร้านด้วย แต่ไม่รวมของหวานบางรายการ ซึ่งสั่งได้แค่โรตีเท่านั้น ไม่รวมวาฟเฟิลต่าง ๆ ทางร้านจะให้เมนูมาสามแผ่น แผ่นแรกเป็นอาหารคาวหวาน แผ่นที่สองเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ แผ่นที่สามเป็นเมนูเครื่องดื่ม

บุฟเฟต์นี้มีเวลาให้เรา 2 ชั่วโมง ในสองชั่วโมงนี้คุณจะสั่งอาหารคาวหวานอะไรก็ได้ เมื่อครบสองชั่วโมงสามารถนั่งทานต่อได้จนหมด ถ้าไม่หมด ทางร้านจะขอคิดอาหารจานนั้นราคาเต็ม พร้อมบริการห่อกลับบ้านให้ด้วย

ส่วนตัวมองว่าโปรนี้คุ้มค่ามาก เพราะราคาอาหารปกติของทางร้านก็จะอยู่ที่ เกือบสองร้อย น้ำแก้วละ 75-95 บาท เค้กชิ้นละ 100+ อาหารบางจานราคาเกือบ 500 บาทแล้ว สั่งสองสามจานบวกน้ำก็คุ้มค่าแล้ว คนทานจุจุหน่อยนี่คุ้มมากเลยครับ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB: Audrey Cafe & Bistro
ปล.บรรยากาศในร้านคนไม่ได้เยอะมาก กินไปคุยไป ไม่มีเสียงรบกวน อาหารไม่เร็ว ไม่ต้องรอนาน ยกเว้นเมนูขาหมูเต๋า กับสเต๊ก ที่ต้องใช้เวลาปรุงประมาณ 20 นาที นอกจากนั้นก็มาไวมาก ไม่ติดใจเลย
ส่วนพนักงานการบริการเป็นมาตรฐานปกติทั่วไปไม่มีข้อตำหนิ


บรรยากาศภายในร้าน

หมึกกรอบทอดผัดพริกกับเกลือ 240 บาท

ปีกไก่ทอดเกลือ 140 บาท
เบบี้พิซซ่าต้มยำกุ้ง จำราคาไม่ได้
อร่อยมาก แป้งบางกรอบ ไม่เลี่ยน 



ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส 220 บาท
คิดว่าเลี่ยนไปหน่อย 


สันคอหมูย่าง-น้ำจิ้มแจ่ว เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวนึ่ง 180 บาท
อันนี้อร่อยมาก สันคอหมูนุ่มไม่มัน

สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดซอส Arrabiata
อันนี้ลงความเห็นกับน้องว่าไม่อร่อย

สเต๊กเนื้อสันในไทยเฟรนซ์ราดซอส Cafe de Paris 500+ บาท
เนือเหนียวไปหน่อย ใช้แรงในการเคี้ยวค่อนข้างเยอะ

อันนี้ชอบมาก ขาหมูเต๋า
อร่อยเกินคาดมาก เป็นเมนูที่ทุกคนบอกว่าต้องลอง

เค้ก เราสามารถไปยืนเลือกจากตู้ได้เลย


โรตีชาไทย อร่อยมาก


Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald ผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ



เมื่อวันเสาร์ได้ดูหนังภาคต่อจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ คือ Fantastic Beasts ที่มาเป็นภาคสองแล้ว กับตอน The Crimes of Grindelwald อาชญากรรมของกรินเดวัลด์ ซึ่งเนื้อเรื่องต่อจากภาคแรก Fantastic Beasts and Where to Find Them (สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่)

ตัวละครหลักยังคงเป็น นิวส์ ที่แสดงโดย Eddie Redmayne ออกเดินทางตามหา เครเดนซ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูก กรินเดวัลด์ ชักจูงไปในทางที่ผิด

ผมยอมรับว่าคาดหวังความสนุกจากหนังเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างมาก เพราะผมชอบมากจากภาคแรก ซึ่งหลายตอนที่หนังยืดเยื้อเกินไปจนแทบหลับ โดยเฉพาะเรื่องความรัก อย่างตอนเจคอบกับควีนที่มีความรู้สึกว่าดราม่าจนเกินเหตุ ประเด็นรักสามเส้าระหว่างนิวส์ ลีต้า และทีน่า ซึ่งไม่รู้ใส่มาเกินความจำเป็นทำไม อยากให้เป็นแค่เกร็ดในหนังสือมากกว่า

หลังจากหนังจบได้คุยกับเพื่อนว่า ปกตินิยายแฮร์รี่พอตเตอร์นี่เมื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ก็มักจะสรุปเนื้อหาจากในหนังสือมาให้เราดูกัน แต่หนังเรื่องนี้กลับขยายความเรื่องราวที่อาจมีเพียงแค่ไม่กี่หน้ากระดาษเอสี่มาเป็นหนังสองชั่วโมงให้เราดูกัน (น่าเบื่อ)

หนังขายคาแรคเตอร์ของนิวส์และสัตว์มหัศจรรย์ต่าง ๆ แต่ในเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่า สัตว์มหัศจรรย์นั้นเป็นแค่ตัวประกอบฉากชัด ๆ แม้แต่ตัวนากินีเองที่ฮือฮากันมากตอนตัวอย่างหนังออกมา พอดูจริงจริงแล้วเศร้ามาก เธอแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย นอกจากเดินทางเป็นเพื่อนของเครเดนซ์เท่านั้น

กรินเดวัลด์ ที่แสดงโดย Johnny Depp นับว่าทำได้ดี แต่ยังขาดเสน่ห์ของโลกเวทมนต์ บุคลิกบางอย่างเหมือนจะติดมาจากเจ้าแห่งโจรสลัด Pirates of the Caribbean หรืออาจจะเป็นบุคลิกของจอห์นนี่ เด๊บ เองที่อาจจะติดตาผมมา แต่บางตอนผมเห็นภาพซ้อนของเดวี่ โจนส์ กับกรินเดวัลด์ ทำให้อรรถรสในการรับชมตกลงไปพอควร

อีกอย่างหนึ่งที่ขอติคือ ชาติกำเนิดของเครเดนซ์ ที่ซับซ้อนจนเหมือนนิยายน้ำเน่านั้น พอก่อน น่าเบื่อมาก

บอกตรง ๆ เลยว่า ผิดหวังมาก ในฐานะแฟนของหนังเรื่องนี้และแฮร์รี่พอตเตอร์






วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Mo-Mo-Paradise | บุฟเฟต์อร่อยที่หนึ่งในใจเรา

\

วันนี้ได้มีโอกาสเดินทางมา กทม เนื่องจากมีประชุมที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชันนอล แถวหลักสี่ ดอนเมือง วันที่ 26-27 ธันวา เลยนัดกับน้องไปกินบุฟเฟต์ร้านโปรดคือ โมโม่ พาราไดซ์ ซึ่งปกติจะไปกินที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ชั้น 2 แต่วันนี้เลือกไปที่ เซนทรัลพระราม 9 ชั้น 7 

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

The Canal (2014) บ้านฆาตกรรม


The Canal (2014) หนังสยองขวัญที่เล่าได้ชวนกดดันและลุ้นไปกับตัวละครมาก คำถามคือ คุณจะทำอย่างไรหากบ้านที่คุณซื้อมาเป็นบ้านที่มีประวัติการฆาตกรรมมาอย่างโชกโชน จนสุดจะคิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญ

หนังเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ดูมีความสุขดี มีพ่อแม่และลูกชาย;วัยกำลังน่ารักเข้าไปอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่มาวันหนึ่ง ผู้เป็นพ่อที่ทำงานเป็น นักจดหมายเหตุ (Archivist) มีหน้าที่เก็บฟิล์มหรือบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเหตุการฆาตกรรม ซึ่งบังเอิญในวันนั้นเองที่เขาพบว่าบ้านของเขาเป็นบ้านของเหตุฆาตกรรมมากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์หลังสุดคือ สามีฆ่าภรรยาของตนนในบ้านหลังนี้

จนมาวันหนึ่ง เขาพบว่าภรรยามีชู้ เขาแอบตามภรรยา และพบว่าเธอกำลังเล่นชู้ เขาไม่ได้ทำอะไร และเดินกลับออกมา วันต่อมาที่เขาพบว่าภรรยาของเขาหายตัวไป ตำรวจพบศพเธอในคลอง

เหตุการณ์แปลกประหลาดต่าง ๆ เริ่มเกิดขึ้นในบ้าน เช่น เขาได้ยินเสียงคนสวดมนต์ในผนังบ้าน เสียงคนเดิน รวมถึงเห็นเงาคนในมุมต่าง ๆ ของบ้าน เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อพี่เลี้ยงของลูกชายถูกคุกคาม จนเธอต้องเดินออกจากบ้านหลังนี้ไป

เขาจะทำอย่างไร เพราะแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเขายังไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ต่อให้เขาเอาฟิล์มที่บันทึกภาพต่าง ๆ ให้ดู ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาและลูกชายจะหนีรอดออกไปจากบ้านหลังนี้หรือไม่

โดยที่เขาเชื่อว่าเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากผีที่อยู่ในบ้านหลังนี้ แต่คนรอบข้างล้วนหาว่าเขาคิดไปเองทั้งนั้น

บรรยากาศของหนังเล่าได้กดดันและชวนเราประสาทเสียไปกับตัวละครไปจนถึงตอบจบ ที่ยอมรับว่าผิดคาดกับผลลัพธ์ที่ออกมาพอสมควร เพราะหนังหักมุมให้เราดูอย่างคาดไม่ถึง

หนังเรื่องนี้ได้คะแนนของค่อนข้างดี IMDb 5.9 คะแนน และมะเขือเน่า 77%



วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

The Ballad of Buster Scruggs (2018) หนังคาวบอยมิวสิคเคิลที่โคตรสนุก


หลังจากที่ไม่ได้ดูเน็ตฟลิกซ์มาสองสามวันเพราะติดนิยายจีนกำลังภายใน วันนี้ได้ฤกษ์ดูกับหนังคาวบอยมิวสิคเคิลที่โคตรจะสนุกเลย เรื่อง ... The Ballad of Buster Scruggs (Netflix) ในหนังความยาวประมาณสองชั่วโมง ได้ถูกเล่าในลักษณะรวมเรื่องสั้น 6 ตอน ซึ่งล้วนแต่เล่าถึงยุคคาวบอยของชาวตะวันตก

เรื่องแรกเป็นเรื่องเล่าของ Buster Scruggs คาวบอยที่กำลังถูกตั้งค่าหัวอยู่ ซึ่งเขาชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ แม้กระทั่งคนที่ยิงเขาตายก็ยังชอบร้องเพลง

เรื่องต่อมาที่จำได้คือ เรื่องของนักเล่านิทานไร้แขนขา ที่ต้องตายเพราะตัวเองหมดค่าลง ถูกแทนที่ด้วยไก่หนึ่งตัว 

เรื่องของขิงแก่ที่ตามหาขุมทองที่ฝังไว้ใต้ดิน โชคร้ายที่ถูกสะกดรอยเพื่อมาชิงเอาทองที่ขุดได้ไป แต่ขิงแก่ยังคงเป็นขิงแก่ที่เอาคืนได้อย่างเผ็ดร้อน

เรืองของน้องสาวที่ติดตามพี่ชายเดินทางไปโอเรกอน แต่พี่ชายดันมาตายกลางทาง และเธอกำลังรับปากแต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอสามารถฝากอนาคตไว้ได้ แต่มาเจอเหตุการณ์ร้ายเสียก่อน

เรื่องของโจรปล้นธนาคาร ที่เด๋อด๋าจนถูกจับแขวนคอ แต่ก็รอดมาได้เพราะอินเดียแดงมาบุกฆ่าเจ้าหน้าที่เสียก่อน แต่สุดท้ายไม่วายที่จะถูกแขวนคออยู่ดี

เรื่องสุดท้ายเหมือนจะเป็นเรื่องของรถม้า ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนขับก็ไม่ยอมหยุดรถจนกว่าจะถึงเป้าหมาย น่าเบื่อหน่อยเพราะมีแต่บทพูด ไม่มีการยิงตูมตามเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้ 

หากให้คะแนนในภาพรวมบอกเลยว่าไม่เสียดายที่จะดู หนังสนุกและได้นักแสดงตัวท็อปมาร่วมแสดงเยอะมาก เช่น Tim Blake Nelson, James Franco, Tom Waits เป็นต้น




วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Mother! (2017) มารดา


Mother! สุดยอดภาพยนตร์ลึกลับสยองขวัญประจำปี 2017 นำแสดงโดยเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่นำเสนอให้ดูเข้าใจว่า เมื่อทุกคนรอบตัวคุณเป็นบ้า หากคุณไม่บ้าตามไปด้วย คุณต้องระเบิดพวกบ้านั่นให้หมด

หนังเล่าครอบครัวสองสามีภรรยา สามีเป็นนักเขียนชื่อดังที่มีปัญหาเหมือนนักเขียนคนอื่น ๆ คือ เขียนงานไม่ออก อยู่ในช่วงหาไอเดีย อัดอั้นตันใจ อาศัยอยู่กับภรรยาที่มีอายุน้อยกว่าจนมีคนเปรียบเทียบว่าเป็นลูกของเขา ที่แสดงโดยเจนลอว์ ซึ่งภรรยานั้นชอบทำงานและแก้ไขซ่อมแซมบ้านที่เคยถูกไฟไหม้จนกลับมาดูดีขึ้นเหมือนกัน ทำให้ภรรยานั้นมีความผูกพันกับตัวบ้านมาก

ทุกอย่างดูสงบเรียบร้อยดี จนกระทั่งสามีเริ่มพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน ที่เป็นชายวัยกลางคน ตามมาด้วยภรรยาของเขา ลูกชายที่มาทะเลาะกัน จนคนนึงตาย ... จัดงานศพ มีแขกเหรือมากมาย ทำให้บ้านของทั้งคู่เละเทะ โดยที่ภรรยาไม่ยินยอม แต่ก็จำยอมด้วยความต้องการของสามีที่ต้องการได้ไอเดียในการเขียนหนังสือ

เหตุการณ์ที่ทั้งคู่ทะเลาะกันนำไปสู่การตั้งครรภ์ และหนังสือที่สามีของเธอเขียนเสร็จกลายเป็นหนังสือที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนทำให้เริ่มมีแฟนคลับจำนวนมากมาหาสามีเธอที่บ้าน จนเป็นเหตุการณ์โกลาหล สิ่งของในบ้านเสียหาย บางส่วนเริ่มพังลงมา ทั้งหมดนี้ทำให้ภรรยาที่กำลังท้องไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอพยายามให้สามีนำคนเหล่านี้ออกไป แต่สามีไม่ต้องการ 

สุดท้ายการตั้งครรภ์ของเธอ กลับนำพาสิ่งที่ทำให้เธอเสียใจมากที่สุดเข้ามาในชีวิต ...

หนังเรื่องนี้เข้าใจยากประหนึ่งอ่านหนังสือปรัชญา ว่ามันหมายถึงอะไร เหตุการณ์นีคือเรื่องจริงหรือไม่ สัญญะต่าง ๆ ในเรื่องหมายถึงสิ่งใด แต่ผมแนะนำคนดูทุกท่านให้ดูด้วยความบันเทิงจะเป็นการดีที่สุด เข้าใจส่วนเข้าใจ ที่ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องพยายาม มีความสุขกับการได้ดูหนังเรื่องนี้ก็พอแล้ว

สิ่งหนึ่งที่อยากชื่นชมคือ การแสดงของเจนลอว์และมุมกล้องที่ทำให้เราเข้าใจตัวละคร Mother มากขึ้น เหมือนเรามองชีวิตผ่านดวงตาของเธอ

ตอนสุดท้ายที่เป็นเหมือนการระเบิดทางจิตวิญญาณของมารดา ยิ่งทำให้เราเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น แต่ฉากต่อมากลับทำให้เราไม่เข้าใจอะไรเลย ภาวนาขอให้ทุกคนดูหนังเรืองนี้ให้สนุกนะครับ ไม่ต้องเครียดกับมันมาก 555






วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

May the Devil Take You (2018) Sebelum Iblis Menjemput: สัญญาปีศาจ


May the Devil Take You (2018) ที่มีชื่อต้นฉบับคือ Sebelum Iblis Menjemput หนังสยองขวัญจากอินโดนีเซีย ขอเรียกชื่อไทยว่า "สัญญาปีศาจ" เป็นหนังผีออริจินอลจากเน็ตฟลิกซ์ที่น่าจะเข้าไทยวันนี้เอง

หนังเล่าถึง เลสมานา ผู้เป็นพ่อได้ทำสัญญากับปีศาจเพื่อแลกมาซึ่งความร่ำรวย แต่ต้องแลกด้วยการสังเวยด้วยชีวิตคนในครอบครัว แต่พอถึงช่วงที่ต้องสังเวยจริง ๆ เลสมานาไม่สามารถทำได้ เขาจึงถูกลงโทษโดยการพรากชีวิต และปีศาจตนนั้นก็ได้เริ่มตามล่าคนในครอบครัวด้วย

เมื่อผิดสัญญา ความร่ำรวยที่ได้มาจากปีศาจก็หมดลง และทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างในชีวิต แม้กระทั่งลมหายใจของคนที่เขารักและครอบครัว

สิ่งที่ตามมาคือ ลูกสาวจากภรรยาคนเก่า และครอบครัวของภรรยาใหม่ได้กลับเข้าไปยังบ้านที่เขาทำสัญญากับปีศาจ เพื่อตามหาสมบัติที่หลงเหลืออยู่ของเลสมานา

ซึ่งในบ้านหลังนั้นทุกคนก็ต้องเจอกับปีศาจ และความลับบางอย่างที่เลสมานาปกปิดมาตลอด เหตุการณ์การถูกหลอน การถูกล่า และการสังเวยจะจบลงอย่างไร จะมีใครรอดหรือไม่ต้องติดตามกันดู

หลังจากดูจนจบแล้ว ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะได้คะแนนที่น้อยในเว็บหนังต่าง ๆ แต่พอไปเช็คจริงจริงกลับพบว่าตัวหนังได้รับคะแนนที่ดีเลยทีเดียว จาก IMDb 7.1 และมะเขือเน่า 8.0 ซึ่งหากมีคะแนนการันตีอย่างนี้แล้ว คงไม่เสียเวลาดูแน่นอน

ตอนนี้หนังดูได้ทางเน็ตฟลิกซ์ May the Devil Take You ไปชมกันได้ครับ



Malila: The Farewell Flower (2017)


นานนานทีจะดูหนังไทย แต่หนังเรื่องนี้ทำให้เราต้องดู "มะลิลา" Malila: The Farewell Flower หนังปี 2017 ที่ได้ เวียร์ ศุกลวัฒน์ และโอ อนุชิต มาเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง เล่าเรื่องผ่านพิธีกรรม "บายศรี"

การแสดงของทั้งคู่ทำให้อึ้งมาก โดยเฉพาะเวียร์ ที่ปกติเป็นพระเอกหนังละครหลังข่าวอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้ทำให้เห็นความสามารถของเวียร์ด้านการแสดงมากขึ้น เวียร์ทำให้เราเชื่อว่าเขาคือ "เชน" ชาวสวนมะลิ ที่ปลูกเพื่อรออดีตคนรักกลับมา

"พิช" แสดงโดย โอ อนุชิต คือความนุ่มนวล ความงดงามที่จะมาเติมเต็มจิตใจของเชน พิชกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง ทำให้ตัวละครตัวนี้ปล่อยวางและมองโลกได้งดงาม เขามีอาชีพทำบายศรีเพื่อใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น งานบวช หรือ บายศรีสู่ขวัญ

ความงดงามของเรื่องนี้ถ่ายทอดผ่านตัวละครจริง ๆ ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านบทหรือพล็อตที่เฉียบคม แต่อาศัยอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครล้วน ๆ ยิ่งการแสดงของเวียร์ยิ่งทำให้เราหยุดหายใจ

ทั้งคู่โอบกอดพลอดรักกันผ่านสายตาและภาษากาย ไม่ได้มีบทพูดที่บอกว่า ผมรักคุณ เรารักนาย แต่สายตาท่าทางของพี่โอ และการแสดงออกของเวียร์ทำให้เชื่อว่าทั้งคู่รักกัน รักกันแบบคู่ชีวิต เกิดมาเพื่อกันและกัน

ความเศร้าในเรื่องคือการเจ็บป่วยของพิช และการลาจาก นำมาซึ่งการบวชของ เชน พระเชนได้ออกธุดงค์ ทำอศุภกรรมฐาน เป็นช่วงหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เดินเรื่องถึงขีดสุด บอกได้ว่าหนังไทยพร้อมก้าวออกมาจากรอบเดิม ๆ แล้ว

ผมแนะนำหนังเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ดู ถึงแม้หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังที่แสดงความรักของเพศชายที่มีแต่เพศชายด้วยกันนั้น แต่เชื่อว่าความรักของทั้งคู่จะทำให้คนดูเข้าใจความรักและชีวิตของตัวเองมากขึ้น ไปดูกันเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน








วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Zombieland (2009) แก๊งคนซ่าส์ ล่าซอมบี้



เย็นวันนี้เลิกงานหกโมงเย็นแล้วไปซื้อส้มตำหมูย่างเจ้าอร่อยในปัตตานีมานั่งกินพร้อมกับดูเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Zombieland หนังซอมบี้เลือดโชกไปด้วย ได้อารมณ์มากมาก

หนังซอมบี้เรื่องนี้เป็นหนังตั้งแต่ปี 2009 ที่นักแสดงนำคนนึงในสมัยนี้เป็นที่รู้จักกันมากจากหนังเรื่อง La La Land คือ Emma Stone ซึ่งในหนังซอมบี้เรื่องนี้ เธอแสดงเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่อเมริกากลายเป็นดินแดนแห่งซอมบี้

กลุ่มของผู้รอดชีวิตที่เดินทางไปด้วยกันในเรื่องนี้มีสี่คน ได้แก่ โคลัมบัส เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ขาดความสัมพันธ์กับครอบครัว, ทาลาฮัสซี คุณลุงผู้มีอารมณ์รุนแรงและเกลียดซอมบี้เข้าไส้ กำลังตามหาขนมชนิดหนึ่งเพื่อรำลึกชีวิตในวัยเด็ก, วิชิตา หญิงสาววัยรุ่นที่เจ้าเล่ห์หากินด้วยการตุ้มตุ๋นชาวบ้าน และเธอก็ตุ๋น โคลัมบัสและทาลาฮัสซีจนเปื่อยหลายครั้ง และสุดท้าย ลิตเติ้ลร็อค น้องสาวของวิชิตา ซึ่งนิสัยมาคล้ายกับพี่สาวหน่อย คือแก่แดด และช่วยพี่สามหลอกหากินกับคนโง่

ทั้งกลุ่มเดินทางผจญภัยไปด้วยกันในดินแดนของซอมบี้แห่งนี้ เต็มไปด้วยความสนุกและมิตรภาพ หนังไม่ได้เครียดหดหู่กดดันให้เราเศร้าหมองไปกับตัวละครแต่อย่างใด กลับกันเลยหนังกลับทำออกมาให้หนังซอมบี้เรื่องนี้ออกมาในแนวตลกคลายเครียดแก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี ใครหลายคนที่ชอบดูหนังแนวตลกผจญภัยน่าจะชอบเรื่องนี้ด้วย

Woody Harrelson and Jesse Eisenberg

Jesse Eisenberg and Woody Harrelson

Abigail Breslin and Emma Stone

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Godzilla (2014) vs Motu


คืนนี้เลือกดูหนังสัตว์ประหลาดในดวงใจรอบที่สองคือ Godzilla หนังปี 2014 ที่ไม่ว่าดูกี่รอบ มันยังคงดูเท่มาก และเมื่อดูอีกรอบยิ่งทำให้สงสารมันจับใจเลย เกิดมาเพื่อเป็นฮีโร่ แถมยังต้องถูกมนุษย์มายิงระหว่างที่มันช่วยโลกอีก

ก๊อตซิลล่าภาคนี้เป็นหนังจากทางฝั่งฮอลลีวู๊ด ได้นักแสดงร่วมมากมาย แต่ที่ผมชอบคือ เคน วาตานาเบะ นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานฝั่งฮอลลีวูดเยอะมาก ในภาคนี้ได้รับบทเป็น ดอคเตอร์เซริซาวะ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ประหลาดยุคโบราณ

 โดยเรื่องนี้ ความเป็นมาของก๊อตซิลล่านั้นเป็นสัตว์ประหลาดยุคดึกดำบรรพ์ สมัยที่โลกยังมีกัมตภาพรังสีเข้มข้นกว่าในปัจจุบัน สัตว์นักล่าพวกนี้ก็อาศัยอยู่บนพื้นดินคอยดูดซับรังสีเหล่านี้เป็นอาหาร แต่เมื่อโลกถึงคราวที่กัมมันตภาพรังสีจางลง ทำให้พวกมันต้องปรับตัวอพยพไปยังใต้ท้องทะเลลึกเพื่อที่จะดูดซับรังสีจากแกนโลกแทน

แต่มาในยุคปัจจบันที่เทคโนโลยีทำให้มนุษย์สามารถเดินทางสำรวจลงไปในท้องทะเลลึกได้มากขึ้น กลับทำให้เกิดการปลุกสัตว์เหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งสัตว์ประหลาดตัวแรกที่โผล่ขึ้นมาคือ Muto มูโต ซึ่งมีรูปร่างคล้ายแมลงขนาดยักษ์

Muto
ซึ่งมูโตจะมีความสามารถพิเศษคือ สามารถรบกวนพลังงานไฟฟ้าหรือสามารถโจมตีด้วยสนามพลังไฟฟ้าได้ ในเรื่องเราจะเห็นหลายครั้งที่มูโตโจมตีแล้วทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง รวมถึงเครื่องบินโจมตี รถยนต์ต้องหยุดทำงานไปด้วย

ซึ่งเจ้ามูโตตัวนี้แหละที่จะมาเป็นคู่ปรับของก๊อตซิลล่าในภาคนี้ ซึ่งฉากต่อสู้มันมาก พังเมืองเป็นแถบ ๆ คนตายเป็นเบือ สนุกมากมาก

สำหรับเรื่องนี้ผมดูในแอพ TrueID คนที่ใช้เบอร์ทรูมูฟอยู่แล้วสามารถเข้าใช้ได้เลย โดยในแอพทรูจะมีหนังพรีเมียมที่สามารถให้เราดูฟรีได้ 5 เรื่อง ถ้าเราต้องการดูเกินจากนั้นก็สามารถจ่ายด้วย True Point หรือ จ่ายเป็นเงินได้เรื่องละ 69 บาทเอง ส่วนผมใช้สิทธิ์ดูฟรีครับ 



วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

10 Cloverfield Lane (2016) สันดานมนุษย์น่ากลัวกว่าเอเลี่ยน


คืนนี้เลือกดู 10 Cloverfield Lane (2016) หนังแนวเอเลี่ยนที่ชอบดู แต่ถามว่าหนังเรื่องนี้เน้นเอเลี่ยนขนาดไหนบอกเลยว่า เอเลี่ยนมาโผล่ตอนท้ายของหนังแล้ว ต่างจาก Cloverfield (2008) ที่เอเลี่ยนโผล่มาตั้งแต่ 10 นาทีแรกของเรื่อง

จากตอนแรกที่เข้าใจว่าหนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อของหนังปี 2008 ปรากฎว่าไม่ใช่ เพราะเอเลี่ยนคนละแบบกันเลย อีกอย่างหนังทั้งสองเรืองล้วนลำดับเหตุการณ์การปรากฎตัวของเอเลี่ยน ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกทั้งคู่ ไม่ใช่ยุคฟื้นฟูแต่อย่างใด

อย่างที่บอกว่าหนังไม่ค่อยได้เน้นเอเลี่ยนเท่าไรนัก แต่เน้นเหตุการณ์ที่ตัวเอกอย่าง มิเชล ต้องเผชิญ เธอกำลังขับรถอออกจากเมืองเพราะทะเลาะกับคู่หมั้น แต่ดันประสบอบุัติเหตุระหว่างทาง พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็ถูกจับมาอยู่ในห้องใต้ดิน มือถูกฉีดน้ำเกลือ ส่วนเท้าถูกล่ามโซ่ไว้ไปไหนไม่ได้

เธอตกใจคิดว่าถูกมิจฉาชีพจับมาขังไว้เพื่อทำร้าย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เธอได้รับการช่วยเหลือจากโฮวอร์ดและนำตัวมารักษาที่นี่ ซึ่งเขาบอกเธอว่าโลกภายนอกถูกโจมตี อากาศเต็มไปด้วยก๊าซพิษ สิ่งมีชีวิตไม่อาจอาศัยอยู่ได้ ดังนั้นเขาที่ได้ช่วยเหลือเธอไว้ จึงนำเธอมาอาศัยอยู่ที่นี่ ห้องใต้ดิน ที่เขาเตรียมไว้สำหรับสถานการณ์แบบนี้

แต่ในมุมมองของเธอ เธอถูกจับมาเพื่อเป็นตุ๊กตาคลายเหงาต่างหาก

ความที่เธออยากออกไปจากที่นี่ ไปหาครอบครัวและคู่หมั้น เมิเชลจึงวางแผนกับเอมเม็ท ชายหนุ่มที่ถูกโฮวอร์ด "ช่วย" ไว้เช่นกัน เพื่อหาทางหนีออกไป

ตัวหนังเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดีมาก ทำให้คนดูอย่างผมรู้สึกอึดอัดไปด้วย ทั้งสถานการณ์ที่มิเชลไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่ในห้องใต้ดินจนกว่าจะจบเรื่อง อีกทั้งตัวละครโฮวอร์ดผู้ช่วยเหลือมิเชล เจ้าของห้องใต้ดินเองก็น่ากลัว เขาทำตัวเป็นหัวหน้าจอมเผด็จการที่ทุกคนต้องทำตามคำสั่งเขา ทำให้สถานการณ์การเอาตัวรอดของมิเชลกดดันมากขึ้น

ตัวหนังได้คะแนนที่ดีจาก IMDb คือ 7.2/10 ส่วนเว็บมะเขือเน่าได้คะแนนจากคนดูถึง 79% การันตีความน่าดูของหนังเรื่องนี้