วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Insidious: The Red Door [2023] วิญญาณตามมาติดติด

 

ประตูผี

วิญญาณตามมาติดติด อันนี้น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของจักรวาลหนังสยองขวัญนี้แล้ว โดยส่วนตัวเหมือนเนื้องเรื่องของหนังภาคนี้นั้นเหมือนจะวนอยู่ในคอนเซปต์เดิมไม่มีอะไรแปลกใหม่ เริ่มจากการเริ่มเรื่องเมื่อเก้าปีก่อนจอร์จและดาลตันผู้เป็นลูกชายที่มีความสามารถถอดจิตเดินทางไปยังอีกมิติหนึ่งได้ (The Further) เพื่อช่วยลูกชายผู้เป็นพ่อกับถูกวิญญาณร้ายเข้าครอบงำทำร้ายครอบครัว จนกลายเป็นรอยร้าวใหญ่ของครอบครัว จอร์จและดาลตันติดสินใจพบจิตแพทย์เพื่อลืมเรื่องราวเมื่อเก้าปีก่อนเสียใหม่ ทำให้ชีวิตในวัยสิบขวบของดาลตันหายไปโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้จอร์จจะลืมเรื่องราวนั้นไปแล้ว แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นยังไม่หายไปไหน จอร์จเลิกกับเรไนผู้เป็นภรรยา โดยเขาให้ภรรยาเป็นคนดูแลลูก โดยต่อมาดาลตันเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะแห่งหนึ่ง ที่อาจารย์ผู้สอนเน้นการสอนให้นักเรียนดำดิ่งไปยังจิตใต้สำนึกของตนเพื่อวาดรูปออกมา ให้ยอมรับตัวเอง และถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลป์ชิ้นเอก

ดาลตันก็เช่นกัน แต่จิตใต้สำนึกของเขากลับพาเขาไปยังเหตุการณ์เมื่อเก้าปีก่อน ภาพของจอร์จผู้เป็นพ่อที่ถือค้อนพยายามทำร้ายเขา ทำให้เขาสงสัยว่าช่วงเวลาวัยสิบขวบของเขานั้นที่หายไปคืออะไร เขาพยายามค้นหาคำตอบเพื่อที่จะสามารถวาดรูปออกมาให้ได้ แต่ทว่าการกระทำนี้เองที่เหมือนไปเปิดประตูให้กับปีศาจร้ายในอดีตกลับมาอีกครั้ง ดาลตันถอดจิตได้ และทดลองความสามารถนั้นโดยไม่รู้ว่าอันตรายเพียงใด เพราะทุกครั้งที่เรามองไปในความมืด ความมืดก็จ้องกลับมาหาเราเช่นกัน

ปีศาจหรือวิญญาณที่อยู่ในมิติของ The Further นั้นต่างก็ได้กลิ่นของชีวิต แน่นอนว่าพวกเขาพยายามเข้าครอบครองร่างของดาลตัน และสุดท้ายพวกมันก็ทำสำเร็จ จนอีกครั้งที่จอร์จเองก็รู้เรื่องราวในอดีตต้องถอดจิตกลับไปยังมิตินั้นเพื่อช่วยดาลตัน ... แน่นอนว่าสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเกือบตายแต่สุดท้ายเขาก็ได้กลับมา

ผมดูจบแล้วคิดว่าภาคนี้เนื้องเรื่องไม่มีความซับซ้อนหรือหักมุมมากเท่ากับภาคก่อน ๆ ส่วนตัวปีศาจหรือวิญญาณที่ปรากฎในภาคนี้เองนั้นก็ขาดเสน่ห์ของความน่ากลัวบางอย่าง ... โดยเฉพาะวิญญาณที่ปรากฎในตอนท้าย ๆ นั้นเหมือนเป็นซอมบี้ที่พยายามเข้าสิงร่างของดาลตันมากกว่าที่จะเป็นวิญญาณที่สร้างไว้ในภาคเดิม ๆ 

หากหนังเรื่องนี้จะมีภาคต่ออีกครั้ง ... เหมือนตอนท้ายเองหนังก็ทิ้งปริศนาไว้นิดหน่อยว่าสองพ่อลูกจอร์จและดาลตันจะมีอนาคตที่สดใส 






ไม่มีความคิดเห็น: