ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ เออร์ลิง คักเก เป็นชาวนอร์เวย์ เป็นนักสำรวจคนแรกของโลก ที่เดินกว่าแปดร้อยไมล์ไปยังขั้วโลกใต้ตามลำพัง เป็นคนแรกที่พิชิตสามขั้วโลก คือ เหนือ ใต้ และยอดเขาเอเวอร์เรสต์ เป็นนักกฎหมาย เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ เป็นนักสะสมงานศิลปะ เป็นนายแบบ เขียนหนังสือมาแล้ว 9 เล่ม ได้รับการแปล 38 ภาษา
หนังสือเล่มนี้พาคนอ่านไปสำรวจภายในตัวเองมากขึ้นผ่านการเดิน ทำไมความเหงาของการอยู่เพียงลำพัง ณ ขั้วโลก ไม่เหงาเท่ากับการอยู่ในงานปาร์ตี้ ทำไมเป้าหมายปลายทางจึงไม่สำคัญเท่ากับประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างทาง ทำไมมนุษย์ไม่เคยหยุดเดิน และถ้ามนุษย์หยุดเดินจะเป็นอย่างไร
“อาจเกินไปสักหน่อยถ้าผมจะแนะนำให้คุณเดินไปบนทางสายเปลี่ยวหรือว่าจงใจทำให้ตัวเองหลงทาง แต่ผมเชื่อว่าคำแนะนำนี้มีประโยขน์อยู่เหมือนกัน” - ข้อความบางส่วนจากหนังสือหน้า 19
“เด็กอังกฤษจำนวน 3 ใน 4 ใช้เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งน้อยกว่านักโทษในคุกอังกฤษด้วยซ้ำ เด็ก 1 คนในทุกทุก 5 คน มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน และในตลอดหนึ่งปี เด็ก 1 คน ในทุกทุก 9 คน ไม่เคยไปเดินสวนสาธารณะ เดินป่า หรือเดินชายหาดเลยสักครั้ง พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่จมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์” - ข้อความบางส่วนจากหนังสือหน้า 21
Al andar se hace camino “เมื่อเธอเดิน เธอได้ขีดเส้นทางชีวิตของเธอ” - อันโตนิโอ มาคาโด กวีแห่งชาติของสเปน
เมื่อเธอเดิน
เส้นทางเบื้องหลังเธอจะเลือนหาย
และเมื่อเธอมองย้อนกลับ
เธอจะเห็นเส้นทางที่เท้าของเธอ
ไม่ปรารถนาจะหวนคืน
“วินาทีที่ขาของผมเริ่มขยับ ความคิดของผมก็ลื่นไหล” - เฮนรี เดวิด ธอโร
ในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาอีกมากมายที่ชวนให้คนอ่านคิดตามเกี่ยวกับการเดิน ... อย่างไรก็ตามผมสรุปได้จากหนังสือเล่มนี้ว่า “คิดอะไรไม่ออกให้ออกเดิน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น