วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ของแขก [The Djinn's Curse, 2023] เหมือนจะถึงแต่ก็ไม่ถึง

 


เมื่อคืนวานได้ดูหนังไทยเรื่อง "ของแขก" ซึ่งสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อคือการใช้ไสยศาสตร์ของชาวมุสลิม ซึ่งจริงจริงแล้ว ความหมายของแขก ตามพจนานุกรมของ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ผู้มาหา, ผู้มาแต่อื่น, ผู้ที่มาร่วมงานพิธีของเจ้าภาพ หรือ คำเรียกชาวอินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน เนปาล ชวา มลายู ชาวเอเชียตะวันออกกลางและตะวันออกใกล้ ยกเว้นชาวยิว แอฟริกาเหนือ และ นิโกร ซึ่งมิได้มีความหมายใดหมายถึง ชาวมุสลิม หรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเลย 

อันด้วยสถานที่เกิดเหตุในหนังคือ จังหวัดนราธิวาส ดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีชาวมุสลิมอยู่กันเป็นจำนวนมาก โดยสิ่งที่ทำให้โดนของแขกนั้นคือ ครอบครัวหนึ่งที่ย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่จังหวัดนราธิวาส แล้วโดนของที่ถูกวางไว้ในบ้านหลังที่เข้าพัก 

โดยในหนังเล่าถึงประเด็นของครอบครัวชาวไทยพุทธ ที่ย้ายเข้ามาในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นชุมชนชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่หนังสื่อให้เราเห็นคือ ยามที่ครอบครัวนี้ไปซื้อของในชุมชน ก็จะเจอแม่ค้าชาวมุสลิมที่สื่อสารกันเป็นภาษายาวีเป็นหลัก ทั้งที่จริง ๆ แล้ว หากมีคนทักด้วยภาษากลาง แม่ค้าก็ไม่จะตอบด้วยภาษากลาง ไม่ได้ตอบด้วยภาษายาวีอย่างที่แสดงในหนัง แต่ด้วยความต่างของวัฒนธรรม ก็ทำให้ครอบครัวนี้รู้สึกแปลกแยก ยกเว้นตัวของผู้เป็นพ่อที่เคยทำงานที่นี่มาก่อน และเคยทำผู้หญิงท้อง และพูดส่งเดชให้เธอไปทำแท้งออกมา แล้วก็ทิ้งเธอไว้ไม่ไยดี จนเมื่อเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง อดีตหญิงสาวคนรัก จึงพยายามทำของใส่ครอบครัวของเขา

ซึ่งสิ่งที่ครอบครัวเขาต้องเจอ คือ การที่แม่ลูกต้องเห็นสิ่งแปลกประหลาด มีคนเชือดแพะลำไส้ทะลักแขวนไว้บนชายหาดหลังบ้าน มองเห็นปีศาจยืนอยู่หน้าบ้าน ยืนอยู่กลางถนน จนที่สุด แม่กับพี่สาวคนโตถูกรถชนจนเสียลูกสาวคนโตไป ในขณะที่ลูกสาวคนเล็กเองก็เหมือนโดนของเข้า เธอกลายเป็นปีศาจที่ลอยตัวได้ ทำร้ายคนได้ แต่ดันไม่สามารถทำลายความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกได้

โดยตอนจบที่หนังพยายามหักมุมว่า ของที่เข้าครอบครัวของเขานั้นไม่ใช่จากอดีตคนรัก แต่เป็นจากเพื่อนร่วมงานที่ชวนเขามาทำงานที่นราธิวาส แต่การตัดจบนั้นเป็นการเล่าโดยที่ครอบครัวนั้นไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ เป็นการจบที่งงมาก เหมือนสอนให้อย่าไว้ใจคนเฉย ๆ แล้วเอาเรื่องของการเล่นของมาเป็นเครื่องมือในการทำคติสอนใจ

ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจการแสดงของใครในเรื่องนี้เป็นพิเศษ อาจจะเพราะการแสดงของแต่ละคนที่มีจังหวะประดักประเดิด จังหวะเครียดเกือบตายดันมีคนติดตลกขึ้นมา ซึ่งการพยายามสอดแทรกมุกตลกเบาสมองเข้าในจังหวะหนังสยองขวัญนี่ส่วนตัวคิดว่ายังทำได้ไม่ดี นักแสดงบางจังหวะก็เล่นใหญ่มาก แต่ฉากต่อมาอารมณ์กลับวูบลงเหมือนลมเพลมพัด ทำให้ความต่อเนื่องของอารมณ์การในรับชมนั้นติดติดขัดขัดไป 

แต่ส่วนตัวหนังยังไม่ได้คลายปมว่า โต๊ะแนแนะ คือใคร ทำไมถึงเป็นคนทำของ และทำไมลูกสาวของครอบครัวนี้ถึงโดนของจากโต๊ะแนแนะ ที่ในหนังเองต้องบออกว่าเป็นทายาทเท่านั้น ทำให้ดูจนจบแล้ว ปมที่วางมาแต่ต้นเรื่องไม่ได้ถูกคลายไปด้วย แต่เอาเถอะ หนังจบแล้วก็จบแล้วกัน ฮา




ไม่มีความคิดเห็น: