แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ History แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ History แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562

Spotlight (2015) คนข่าวคลั่ง หนังสั่นคลอนศรัทธาที่มีต่อคริสตจักร


หนังสปอตไลท์ เรืองนี้ กำกับโดย ทอม แมคคาร์ธี  (Tom McCarthy) ผู้กำกับ คนเขียนบท และนักแสดง โดยได้นักแสดงฝีมือดีหลายคนมาร่วมด้วย อาทิ Mark Ruffalo ที่ผมเพิ่งเขียนบทความไปใน Shutter Island ที่รับบทแสดงนำร่วมกับเลโอนาโด ดิคาปริโอ, Michael Keaton ที่รู้จักจากเรื่อง Birdman หนังที่อยู่ในลิสต์ที่ผมกำลังจะดู และ Rachel McAdams นักแสดงสาวสวยที่เป็นที่รู้จักจากผลงานการแสดงหลายเรื่อง

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของทีมนักข่าว Spotlight ของสำนักพิมพ์ Boston Globe สหรัฐอเมริกา ที่ร่วมกันขุดคุ้ยประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็กของบาทหลวงคาธอลิคในเมืองบอสตัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ตัวคาร์ดินาลประจำเมืองบอสตันก็ล่วงรู้ แต่พยายามปกปิด รวมถึงพยายามไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายเพื่อปิดข่าวไว้
เบื้องต้นทีมข่าวได้สืบทราบถึงรูปแบบของการเกิดเหตุการณ์รวมถึงลักษณะการจัดการของศาสนจักรต่อตัวบาทหลวงผู้กระทำผิด ว่าจะมีการย้ายโบสถ์ที่ประจำการบ่อย รวมถึงให้สาเหตุการย้ายออกว่าเกิดจากอาการป่วย 
สิ่งที่น่าตกใจคือ แหล่งข่าวคนหนึ่งที่ได้เคยทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มีบาทหลวงราว ๆ ร้อยละ 6 ที่ทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ซึ่งเมืองบอสตันที่มีบาทหลวงอยู่ตอนนั้นประมาณ 1500 คน ก็จะมีบาทหลวงที่กระทำความผิดอยู่ประมาณ 90 คน ... โดยที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเด็ดขาดจากทางศาสนจักร หรือทางกฎหมาย
ซึ่งตัวหนังได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจทางการเมืองที่ศาสนจักรมีต่อเมืองนี้ ทั้งการจ้างนักกฎหมายเพื่อไกล่เกลี่ย รวมถึงคอยช่วยบาทหลวงผู้กระทำความผิด แม้ว่าจะมีบาทหลวงคนอื่นที่เห็นการล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าว ก็ต้องเงียบไว้ หากไม่อยากถูกย้ายไปประจำถิ่นทุรกันดาร
เมืองบอสตันมีเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดมากกว่า 1,000 คน ซึ่งผลจากเหตุการณ์ดังกล่าวในวัยเด็ก ทำให้ส่วนมากเกิดบาดแผลทางใจ บางครอบครัวเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้ รวมถึงการปิดกั้นการเข้าถึงตัวเหยื่อ เนื่องจากมองว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ โดยเฉพาะในครอบครัวยากจนที่บาทหลวงเปรียบเสมือนพระเจ้ามาโปรด จึงสามารถล่อลวงเด็ก ๆ เหล่านั้นได้ง่ายกว่าครอบครัวอื่น ๆ
เมื่อข่าวเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ ทำให้ค้นพบการล่วงละเมิดทางเพศในรัฐอื่น ๆ อีกมาก รวมถึงทั่วโลก นับว่าเป็นการสั่นคลอนศรัทธาของคริสตจักรในฐานะผู้รับใช้พระเจ้า
ขอบคุณหนังเรื่องนี้ที่ทำให้เราเห็นบทบาทของนักข่าว ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้างได้อย่างไร จนผมอยากให้นักข่าวบ้านเราเป็นแบบนี้กันเยอะ ๆ เพื่ออย่างน้อยจะได้ช่วยเหลือสังคม หรือชี้นำสังคมไปในทางที่ถูกต้องได้

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่จัดว่า "ต้องดู" ซึงตอนนี้ดูได้แล้วทางเน็ตฟลิกซ์ Netflix: Spotlight การันตีโดยการคว้าออสการ์มา 2 รางวัล คือ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมกับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 2016



วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2561

22 July เหตุการณ์ก่อการร้ายที่สร้างจากเรื่องจริง เมืองออสโล นอร์เวย์



22 July หนังสือสร้างจากเรื่องจริงในปี 2011 เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมือง Oslo มีผู้ก่อการร้าย วางระเบิดอาคารศูนย์กลางของรัฐบาลนอร์เวย์ และก่อเหตุกราดยิงนักเรียนบนเกาะทีตั้งแคมป์ฤดูร้อน เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 77 ราย บาดเจ็บกว่า 200 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นนักเรียนมัธยมจำนวน 69 ราย

ตัวภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมาได้ดีในมิติผู้รอดชีวิต คือ Viljar เด็กหนุ่มที่ถูกคนร้ายยิงเข้าที่ร่างกายห้านัด  หลังจากเขาเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง ตาขวาของเขาใช้การไม่ได้ มือซ้ายเหลือเพียง 2 นิ้ว มีเศษกระสุนฝังอยู่ในสมองที่อาจฆ่าเขาได้ทุกเมือ

และไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บทางกายที่เขาต้องอยู่กับมันไปตลอด แต่เขายังต้องทนกับภาพเหตุการณ์ ความทรงจำที่เกิดขึ้นบนเกาะ คอยหลอกหลอนเขาเช่นกัน

คำกล่าวตอน Viljar พูดตอนขึ้นศาลนั้น ทำให้ผมต้องเช็ดน้ำตาที่รื้นขึ้นมา ผมสงสารในตัวเขา เขาเป็นผู้รอดชีวิตในขณะที่เพื่อนอีกหลายคน รวมถึงเพื่อนรักของเขาสองคนต้องตาย เขาอยู่กับร่างกายที่พิการตลอดชีวิต และต้องสู้กับปัญหาที่อาจจะเข้ามาในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม... เขามองว่า ชีวิตเขายังมีความหวัง ยังมีครอบครัว ยังมีความฝัน ที่ให้เดินต่อไป ต่างจากผู้ก่อการร้ายที่ต้องจบชีวิตลงในคุก

ปล. ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ Paul Greengrass มีผลงานการกำกับภาพยนตร์ที่ผมชอบมากคือ Jason Bourne

คุณสามารถดูหนังเรื่องนี้ได้ที่เน็ตฟลิกซ์ 22 July 



วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Operation Finale (2018) ปฏิบัติการตามล่า Adolf Eichmann ผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน



นอนไม่หลับ ... ต่อให้ล้มตัวลงนอนตอนนี้ก็ยังไม่หลับ เลยจำเป็นต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และในสถานการณ์ที่พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอยู่ สิ่งที่เลือกทำตอนเที่ยงคืนกว่า ๆ คือ ดูเน็ตฟลิกซ์

Operation Finale คือ หนังที่ผมจะใช้เวลาร่วมกันประมาณ 2 ชั่วโมง โดยปกติไม่ชอบหนังซีเรียส เล่าเชิงประวัติศาสตร์แบบนี้เท่าไหรนัก แต่ตัวอย่างหนังทำออกมาได้น่าสนใจมาก เล่าเหตุการณ์ของกลุ่มสายลับอิสราเอล ต้องเดินทางเข้าไปอาร์เจนติน่าเพื่อนำตัว อดีตลูกน้องของฮิตเลอร์ ที่เชื่อว่าเป็นมือสังหารโหดชาวยิวกว่าหกล้านชีวิต กลับมาขึ้นศาลที่อิสราเอล


ตัวหนังสร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ เล่าถึงการนำตัวอาชญากรรมสงครามผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวในยุโรปมารับโทษที่อิสราเอล ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองจบลง ฮิตเลอร์หนีความผิดโดยการฆ่าตัวตาย พร้อมกับแกนนำคนสำคัญ แต่ลูกน้องหลายคนของเขายังคงหลบหนี และใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปโดยเปลี่ยนประวัติตัวเอง

 โดยหนังได้นักแสดงรางวัลลูกโลกทองคำ คือ ออสการ์ ไอแซค (Oscar Isaac) เป็นสายลับชาวอิสราเอลที่ต้องเข้าไปนำอาชญากรสงครามที่รับบทโดยนักแสดงรางวัลออสการ์  เบนท์ คิงส์ลี่ (Ben Kingsley) 

ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะไ่ม่ได้เห็นเทคโนโลยีระดับสูง เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย หรืออาวุธยุทธโธปกรณ์ที่แปลกใหม่ แต่เราจะเห็นวิธีการปลอมแปลง ทำพาสปอร์ตปลอมมากกว่า 

ตัวหนังไม่ได้หวือหวาระเบิดตูมตาม หรือฉากการทรมานนักโทษที่รุนแรง แต่จะเล่าเรื่องราวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนถึงฉากสุดท้าย ที่เป็นการตัดสินโทษของ Adolf Eichmann อาชญากรสงครามของเรื่อง ก็เป็นฉากที่ทำจากเรื่องจริงที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก


ความประทับใจส่วนตัวกับหนังประวัติศาสตร์อาชญากรรมเรื่องนี้นั้น คือ การชิงไหวชิงพริบและการเอาตัวรอดของทีมสายลับอิสราเอล ที่ต้องไปปฏิบัติการลับยังต่างประเทศ วิธีการในการสืบหาข้อมูลในสมัยนั้น และบุคลิกของตัวละครหลักสายลับชาวอิสราเอล ปีเตอร์ มัลกิน ที่แสดงโดย ไอแซค นั้น มีการปฏิบัติที่ดีต่อ อดอล์ฟ อาชญากรสงคราม ทั้งที่มีความเป็นไปได้ว่า อดอล์ฟคือคนที่สังหารพี่สาวของเขา

สำหรับใครที่อยากดูสามารถดูได้ทางเน็ตฟลิกซ์