วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Operation Finale (2018) ปฏิบัติการตามล่า Adolf Eichmann ผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน



นอนไม่หลับ ... ต่อให้ล้มตัวลงนอนตอนนี้ก็ยังไม่หลับ เลยจำเป็นต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และในสถานการณ์ที่พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอยู่ สิ่งที่เลือกทำตอนเที่ยงคืนกว่า ๆ คือ ดูเน็ตฟลิกซ์

Operation Finale คือ หนังที่ผมจะใช้เวลาร่วมกันประมาณ 2 ชั่วโมง โดยปกติไม่ชอบหนังซีเรียส เล่าเชิงประวัติศาสตร์แบบนี้เท่าไหรนัก แต่ตัวอย่างหนังทำออกมาได้น่าสนใจมาก เล่าเหตุการณ์ของกลุ่มสายลับอิสราเอล ต้องเดินทางเข้าไปอาร์เจนติน่าเพื่อนำตัว อดีตลูกน้องของฮิตเลอร์ ที่เชื่อว่าเป็นมือสังหารโหดชาวยิวกว่าหกล้านชีวิต กลับมาขึ้นศาลที่อิสราเอล


ตัวหนังสร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ เล่าถึงการนำตัวอาชญากรรมสงครามผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวในยุโรปมารับโทษที่อิสราเอล ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองจบลง ฮิตเลอร์หนีความผิดโดยการฆ่าตัวตาย พร้อมกับแกนนำคนสำคัญ แต่ลูกน้องหลายคนของเขายังคงหลบหนี และใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปโดยเปลี่ยนประวัติตัวเอง

 โดยหนังได้นักแสดงรางวัลลูกโลกทองคำ คือ ออสการ์ ไอแซค (Oscar Isaac) เป็นสายลับชาวอิสราเอลที่ต้องเข้าไปนำอาชญากรสงครามที่รับบทโดยนักแสดงรางวัลออสการ์  เบนท์ คิงส์ลี่ (Ben Kingsley) 

ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะไ่ม่ได้เห็นเทคโนโลยีระดับสูง เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย หรืออาวุธยุทธโธปกรณ์ที่แปลกใหม่ แต่เราจะเห็นวิธีการปลอมแปลง ทำพาสปอร์ตปลอมมากกว่า 

ตัวหนังไม่ได้หวือหวาระเบิดตูมตาม หรือฉากการทรมานนักโทษที่รุนแรง แต่จะเล่าเรื่องราวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนถึงฉากสุดท้าย ที่เป็นการตัดสินโทษของ Adolf Eichmann อาชญากรสงครามของเรื่อง ก็เป็นฉากที่ทำจากเรื่องจริงที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก


ความประทับใจส่วนตัวกับหนังประวัติศาสตร์อาชญากรรมเรื่องนี้นั้น คือ การชิงไหวชิงพริบและการเอาตัวรอดของทีมสายลับอิสราเอล ที่ต้องไปปฏิบัติการลับยังต่างประเทศ วิธีการในการสืบหาข้อมูลในสมัยนั้น และบุคลิกของตัวละครหลักสายลับชาวอิสราเอล ปีเตอร์ มัลกิน ที่แสดงโดย ไอแซค นั้น มีการปฏิบัติที่ดีต่อ อดอล์ฟ อาชญากรสงคราม ทั้งที่มีความเป็นไปได้ว่า อดอล์ฟคือคนที่สังหารพี่สาวของเขา

สำหรับใครที่อยากดูสามารถดูได้ทางเน็ตฟลิกซ์


 







ไม่มีความคิดเห็น: