วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2563

Dracula [2020] ตีความตำนานแดรกคูลาคนใหม่ ที่ทำให้เข้าใจตัวตนของปีศาจดูดเลือดตนนี้มากขึ้น


ผมกลับมาดูเน็ตฟลิกซ์อีกครั้ง หลังจากไม่ดูอะไรไม่จบมาประมาณเดือนกว่า Dracula เป็นมินิซีรีส์ความยาว 3 ตอน ตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งจากผู้สร้างที่เคยมีผลงานซีรีส์เรื่องดังอย่าง Sherlock และ Doctor Who โดยผมใช้เวลาทุกวันก่อนนอนดูวันละตอน  พบว่าสนุกมาก แต่ละตอนมีแต่ความเซอร์ไพรส์นะ ว่าเนื้อเรื่องพาเรามาจนถึงจุดนี้ได้ยังไง ฉลาดมาก หากไม่ติดว่าต้องนอนเพื่อตื่นไปทำงานตอนเช้าก็อยากจะโต้รุ่งดูให้จบ เหมือนอ่านหนังสือก่อนสอบยังไงยังงั้น

ซึ่งเคยเห็นรีวิวในทวิตที่บอกว่าเรื่องนี้เป็น The Must ที่ต้องดูให้ได้ เพราะมันสนุกมาก ซึ่งพอดูจบแล้วสนุกจริง และที่สำคัญไม่มีจังหวะให้น่าเบื่อ หรือเนื้อเรื่องที่ยืดยาดเลย ทุกฉากทุกตอนเหมือนคิดมาดีแล้ว ว่าออกมาแค่นี้ เท่านี้สนุกแล้ว เออ มันดึงคนดูอย่างผมที่ขี้เบื่อได้ดีมากเลย

ต้องบอกว่าแดรกคูลาในเรื่องนี้ มีบุคลิกที่ต่างจากแดรกคูลาในตำนาน เหมือนกับเอาท่านเคานต์มาตีความใหม่ ให้ท่านเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตเป็นอมตะ และมีความสามารถพิเศษเรื่องการดูดเลือดแล้วจะดูดพลังชีวิตของมนุษย์เป็นอาหาร รวมถึงความทรงจำประสบการณ์ของเหยื่อที่ถูกดูดเลือดก็จะตกเป็นของท่านเคานต์ด้วย

ซึ่งถ้าหากใครเคยดูหนังหรืออ่านนิยายเกี่ยวกับแดรกคูล่า ก็จะเจอนักล่าจากตระกูลแวนเฮลซิง (Van Helsing) แต่คราวนี้มาในรูปแบบของแม่ชี ตอนดูก็แบบเอ๊ะ หรือแม่ชีจะเป็นแม่ชีนักบู๊ แต่ไม่ใช่เลย ซีรีส์ทำออกมาได้ดีกว่านั้นมาก

สาระสำคัญของทั้งสามตอนได้แก่ 
  1. The Rules of The Beast กฎของแดรกคูล่า คือ กลัวแสงอาทิตย์ กลัวไม้กางแขน และกฎข้ออื่นต้องดูเอง ซึ่งซีรีส์จะทำให้เราเข้าใจตัวแดรกคูล่ามากขึ้น 
  2. Blood Vessel ท่านเคานต์เดินทางไปอังกฤษทางเรือโดยสารไปพร้อมกับอาหารมื้อพิเศษที่ตัวเองได้เตรียมไว้ แต่นั่นแหละถ้าการเดินทางราบรื่นไปตลอดก็คงจะไม่ใช่
  3. The Dark Compass ตอนจบ การเผชิญหน้าของท่านเคานต์และทายาทตระกูลแวนเฮลซิ่ง ที่จบลงนอกเหนือความคาดหมายมาก ทำให้มินิซีรีส์เรื่องนี้จบด้วยความสมบูรณ์แบบมากที่สุดแล้ว
ดูจบแล้วเรื่องความสนุกก็คงเป็นรสนิยมส่วนบุคคล แต่ถ้าถามผม ก็แนะนำให้ดูนะถ้ามีเวลาว่าง ถ้าให้คะแนน ก็จะให้ 8/10 หักคะแนนตรงไม่มีฉากบู๊มันมันเลยครับ 555







ไม่มีความคิดเห็น: