วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Apple Watch | Fitness, Watch และสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ปัตตานี

 เดินออกกำลังกาย

ก่อนหน้านี้ที่จะมีสถานการณ์โควิดผมก็มีน้ำหนักเกือบหนึ่งร้อยกิโลกรัม พอเข้าช่วงโควิดเป็นจังหวะชีวิตที่ต้องนั่งนั่งนอนนอนไม่ได้มีกิจกรรมนอกบ้านยกเว้นไปอยู่เวรศูนย์คัดกรอง ฯ ของจังหวัด ก็ทำให้น้ำหนักที่มากเป็นทุนเดิมพุ่งทะลุขีดจำกัดเอาไว้จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะให้ไม่เกินหนึ่งร้อยกิโลกรัม

โดยช่วงโควิดต้องบอกว่าผมเป็นคนที่ไม่มีนิสัยออกกำลังกายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส โยคะ หรือแม้กระทั่งไปจ๊อกกิ้งก็ตาม ทำให้เป็นคนไม่ค่อยมีการเผาผลาญพลังงานจากกิจกรรมต่าง ๆ เลย และมาช่วงโควิดที่สถานการณ์เครียดเป็นทุนเดิม บวกกับทำงานที่อยู่ในแวดวงสาธารณสุขด้วยจึงทำให้ติดตามและทราบสถานการณ์โควิดอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับไม่ได้ออกนอกจังหวัดไปไหนเลยเป็นระยะเวลานาน ทำให้เพิ่มความเครียดและห่วงยางไขมันรอบเอวเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการกิน ที่ก่อนโควิดมีฟู้ดแพนด้าเข้ามาตีตลาดเดลิเวอร์รี่ และร้านอาหารต่าง ๆ ก็ตั้งกลุ่มเฉพาะสำหรับการสั่งอาหารพร้อมส่งถึงบ้าน ทำให้ยิ่งไม่ต้องออกไปไหนเลย แม้กระทั่งการขับรถออกไปซื้อหาร เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณสามสี่เดือน จนกระทั่งสถานการณ์โควิดผ่านไปนิสัยชอบสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ติดความสะดวกสบายก็ไม่หายไป จนกระทั่งมาวันหนึ่ง วันที่รู้สึกตัวว่าอืดอาดไปทั้งร่างกาย หอบเหนื่อยง่าย มีอาการกรดไหลย้อน ด้วยความรู้ที่มีอยู่บ้างก็เลยลองคำนวณ  BMI หรือดัชนีมวลกาย จากน้ำหนัก 105 กิโลกรัมและส่วนสูง 180 เซนติเมตรได้ค่า BMI = 32.41 ซึ่งคำอธิบายในเว็บไซต์ก็บอกว่าเป็นโรคอ้วนระดับสามอันตรายมาก ซึ่งก็จะให้คำแนะนำเรื่องการคุมอาหารออกกำลังกาย และไปพบแพทย์

เมื่อพิจารณาอีกครั้งแล้วพบว่าสิ่งที่ทำได้ปัจจุบันเลยคือการคุมอาหาร โดยผมเลือกเฉพาะงดการกินน้ำปั่น น้ำผลไม้หวาน ๆ หรือกาแฟที่ใส่นมน้ำตาลเยอะ ๆ เปลี่ยนมากินอเมริกาโนหวานน้อยกับน้าเปล่า งดการกินเค้ก ซึ่งปกติจะชอบกินมาก ถ้าร้าน Devaran92  ก็จะชอบสั่งมอคค่าปั่นและเครปฝอยทองเป็นประจำทุกวัน ถ้าเป็นร้านปัตตาเนี่ยนก็จะชอบสั่งลาเต้เย็นบวกกับของทานเล่นจำพวกของทอด ร้านอนาโตมี่จะชอบเค้กต่าง ๆ ที่อร่อยมาก ยังไม่รวมถึงการสั่งขนมออนไลน์ เช่น บราวนี่ ... คุ้กกี้ และบรรดาสารพัดขนมจากเซเว่นที่ชอบซื้อกักตุนมาไว้สำหรับหนึ่งสัปดาห์แต่หมดในคืนเดียว ก็งดไปเกือบทั้งหมด ยอมให้ตัวเองกินได้บ้างในวันเวลาที่ลำบากหรือมีความเครียดจริงจริงต้องการน้ำตาล ก็จะยอมให้ตัวเองบ้าง ...

ที่คู่มากับการงดอาหารพวกน้ำปั่นกับเค้ก คือการทำ Intermittent Fasting หรือ IF โดยผมทำการอดอาหารเป็นเวลา 16 ชั่วโมงและกิน 8 ชั่วโมง โดยถ้าสามารถทำได้ก็จะเริ่ม 11 โมงเช้า เลิกกิน 1 ทุ่ม ซึ่งพอมาทำตรงนี้สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ สามารถเลิกกินพวกขนมจุบจิบก่อนนอนไปได้เลย ซึ่งปกติมักจะเป็นเลย์หนึ่งถุงใหญ่ โค้ก เป็นต้น ส่วนตอนเช้าต้องยอมรับว่าหิวบ้าง แต่ที่ต้องเลือกอดควบช่วงเช้าเป็นเพราะวันทำงานปกติก็ไม่ได้ทานมื้อเช้าอยู่แล้ว และมื้อเย็นคือมื้อที่สำคัญ เป็นมื้อสำหรับสังสรรค์กับเพื่อนพี่น้องที่ทำงาน และต่อให้ไม่ได้ไปไหนก็จะเลือกใช้มื้อเย็นเป็นมื้อคลายเครียด จากการทำงานระหว่างวันแทน ทำให้รู้สึกว่าวันไหนไม่ได้กินมื้อเย็นต้องตายแน่แน่ กลับกันกับมื้อเช้าที่ไม่ได้กินก็ไม่เป็นไร กินกาแฟดำแก้วนึงก็อยู่ได้แล้ว ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือการรับพลังงานเข้าสู่ร่างกายให้น้อยลง เพื่อลดการสะสมของไขมันในร่างกาย 

ต่อมาจะเป็นการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งผมเลือกการเดินออกกำลังกายตอนเช้าเพราะ หนึ่งสะดวก สองสวนสมเด็จ ฯ อยู่ใกล้ที่ทำงานสามารถเดินไปถึงได้ สามบรรยากาศดีเหมาะกับการเดินผ่อนคลายล้างสมอง ถามว่าทำไมไม่ออกไปเดินตอนเย็นล่ะ ก็เพราะว่าเดินเสร็จต้องกิน กินให้หนักกว่าเดิม 555 กลายเป็นว่าตอนเย็นกลายเป็นว่ายิ่งออกกำลังกายยิ่งกินเยอะ 

ทำไมผมเลือกการเดินก็เพราะว่าสรีระและปัญหาทางร่างกายตอนนี้การเดินน่าจะเป็นการสร้างภาระให้กับร่างกายน้อยที่สุด น้ำหนักที่มากถ้าวิ่งก็จะเป็นภาระให้กับข้อต่อโดยเฉพาะเข่าและข้อเท้า ดีไม่ดีอาจจะทำให้มีปัญหาข้อกระดูกตามมาได้ ส่วนการเดินผมจับเวลาตั้งแต่เดินลงจากรถไปเดินในสวนสามรอบ รอบละประมาณ 1.8 กิโลเมตร จนกลับมาขึ้นรถก็จะได้ครั้งละ 6 กิโลเมตรโดยประมาณ จากวันที่ 18 กันยายนจนถึงวันนี้ 11 ตุลาคม ก็สามารถเดินไปได้ทั้งหมด 23 ครั้ง 23 วัน รวมระยะทาง 127.19 กิโลเมตรแล้วครับ ภูมิใจมากมาก

โดยอุปกรณ์ที่ผมใช้จับเวลาและวัดระยะทางก็คือ Apple Watch ซีรีส์สาม ที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน และเริ่มกลับมาใช้งานจริงจังอีกครั้งกับการเดินออกกำลังกายในรอบนี้ จริงจริงนอกจากเดินแล้วตัวแอปเปิลวอชสามารถใช้วัดกิจกรรมการออกกำลังกายอย่างอื่นได้อีกมาก เช่น การวิ่ง โยคะ ว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน หรือแม้กระทั่งการเต้น ก็สามารถใช้วัดพลังงานที่ใช้ไป จังหวะการเต้นของหัวใจ เป็นต้น นับว่ามีประโยชน์สามารถนำเข้าเป็นข้อมูลทางสุขภาพส่วนบุคคลได้ดีเลยครับ

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของแอปเปิลวอชคือเราสามารถแข่งกับเพื่อนได้ว่าเราสามารถปิดวงได้สำเร็จหรือไม่ คือ Move การใช้พลังงานร่างกาย 800 kcal, Exercise เวลาการออกกำลังกาย วันละ 30 นาที และ Stand ยืนให้ได้หนึ่งนาทีทุกหนึ่งชั่วโมง วันละ 12 ครั้ง ซึ่งหากคุณทำได้คุณก็สามารถปิดวงทั้งหมดได้ นอกจากนี้ในแอพของแอปเปิลวอชเองก็จะมีเหรียญรางวัลต่าง ๆ เช่น ความท้าทายในแต่ละเดือนว่าคุณสามารถออกกำลังกายได้ตามเป้าหรือไม่ ถ้าทำได้ตามเป้าก็จะสะสมพวกเหรียญรางวัลเหล่านี้ไว้ในแอพได้ครับ ซึ่งผมคิดว่าข้อดีของการใช้แอปเปิลวอชคือเรามีการชาเลนจ์ตัวเองไปได้เรื่อย ๆ อย่างวันแรกผมเดินได้ประมาณสี่กิโลกว่าก็พอใจแล้ว แต่เดินไปสักพักก็อย่างได้ระยะทางห้ากิโล พอมาช่วงท้ายท้ายก็อยากเดินได้วันละหกกิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ ซึ่งนับว่าคุ้มค่าแล้วครับกับแอปเปิลวอชที่ซื้อมาหมื่นกว่าบาท 

นอกจากนี้แล้วการเดินออกกำลังกายเบาเบาตอนเช้าก็จะมีข้อดีคือ เราสามารถใช้เวลาในช่วงของการเดินนั้นฟังพอดแคสต์ให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ไปด้วยได้ โดยเฉพาะความรู้ทางการเงินที่ผมชอบฟังมาก ช่องที่ฟังบ่อยก็เช่น คำนี้ดี, Mission to the Moon และ The Money Case เป็นต้นครับ ซึ่งอย่างน้อยนอกจากเราได้ออกกำลังกายแล้วก็สามารถเพิ่มพูนความรู้ทางการเงินให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจนี้ไปได้ครับ





ไม่มีความคิดเห็น: