ซีรีส์เรื่องล่าสุดที่กำกับโดยไรอัน เมอร์ฟี (Ryan Murphy) ผู้กำกับฝีมือดีที่มีแนวทางการทำงานของตัวเองอย่างชัดเจน โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้นักแสดงอย่าง ซาร่า พอลสัน นักแสดงฝีมือดี แต่ที่ผมจำเธอได้จากเรื่องล่าสุดคือ Bird Box (คลิก) ถึงแม้เธอจะปรากฎตัวออกมาในตอนแรกมาไม่ถึงนาที แต่สีหน้าและการแสดงอารมณ์ตอนตายของเธอในฉากนั้นเป็นที่น่าจดจำมาก จนแม้กระทั่งแซนดร้า บูลล็อก นักแสดงนำเองก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเธอได้
ส่วนเรื่องนี้ซาร่ารับบทเป็นพยาบาลที่พยายามเข้าไปในโรงพยาบาลรัฐลูเซีย เพื่อเข้าไปช่วยน้องชายของเธอที่ถูกจับมาขังไว้ที่นี่เนื่องจากเป็นฆาตกรฆ่าบาทหลวงสี่คนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ถูกจับมาในโรงพยาบาลเพื่อประเมินว่าเขาพร้อมที่จะถูกพิพากษาในฐานะคนธรรมดาหรือไม่ หรือต้องถูกรักษาในโรงพยาบาลแห่งนี้ไปตลอดชีวิต
การนำเสนอหลัก เห็นอย่างเด่นชัดคือ การโกหกที่นำพาไปสู่การโกหกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนรอบข้างก็ไม่รู้ว่าสิ่งไหนที่คุณพูดว่าจริงหรือไม่ แม้กระทั่งตัวคุณเองก็ไม่รู้ตัวเองเช่นกันว่าแท้ที่จริงแล้วคุณรู้สึกเช่นไร คุณต้องโกหกสร้างเรื่องราวไปเรื่อย ๆ เพื่อให้แนบเนียบกับเรื่องโกหกเรื่องแรกของคุณ แม้กระทั่งการหลอกตัวเอง
ในเรื่องนี้ การโกหกของ Ratached Mildred นำพาไปสู่ความตายอย่างมากมาย ทั้งคนที่เธอรัก คนที่เธอเกลียด คนที่เธอต้องการกำจัดขวางทางไปให้พ้นจากการสั่งประหารน้องชายของเธอ จนแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานของเธอที่โดนลูกหลงไปด้วย
แต่ทว่าเธอก็ยังแสดงด้านที่งดงามออกมา โดยการให้ความช่วยเหลือคนหมดหนทางรอด คนไข้ที่ต้องเจอกับการรักษาที่ทรมาน หรือแม้กระทั่งคนป่วยที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรมจากโรคของตัวเอง
การรักษา เหตุการณ์ในซีรีส์เรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเป็นหลัก เพราะฉะนั้นคุณจะได้เห็นการรักษาในสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยความเชื่ออย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยจิตเภท เช่น การใช้สกรูเจาะกะโหลกเข้าไปคว้านเนื้อสมองส่วนหน้าเพื่อรักษาอาการหลงลืม การนำผู้ป่วยไปแช่น้ำร้อนสลับกับน้ำเย็นอย่างสุดขั้วเพื่อรักษาเลสเบี้ยน หรือแม้กระทั่งการสะกดจิตเพื่อรักษาโรคหลายบุคลิก เป็นต้น การรักษาพวกนี้หาไม่ได้ในการรักษาแผนปัจจุบันเพราะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้คนไข้ติดเชื้อ หรือเกิดอาการช็อกจากการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างกระทันหัน
นักแสดง ต้องชื่นชมนักแสดงหลักในเรื่องนี้ทุกคนว่าคัดมาได้ดีมาก ทุกคนทำการแสดงได้อย่างมีศิลปะ การแสดงสีหน้าอารมณ์ ท่าทาง มันทำให้ทุกฉากทุกตอนมันอร่อยไปหมด ถ้าเป็นอาหาร ทุกจานในคอร์สอร่อยหมด ไม่มีจานไหนไม่อร่อย ต่างกันแค่มีรสชาติของตัวเองเท่านั้นเอง และที่สำคัญตัวละครทุกตัวได้มีการแสดงอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่แค่ตัวร้ายแสดงแค่ด้านร้าย หรือแม้กระทั่งตัวละครมิลเดรดเอง ก็แสดงออกมาครบทุกมิติ โกรธ เสียใจ ดีใจ เศร้า ผิดหวัง ถึงแม้ตอนดูจะคิดอยู่ในใจว่างนางกำลังแสดงในแสดงอยู่รึเปล่า แต่นั่นแหละสุดยอดจริงจริง
โปรดักชัน ขอชื่นชมทีมผู้สร้างที่จัดโลเคชัน จัดภาพ ทุกฉากทุกตอนออกมาดีมาก ถ้าแคปหน้าจอออกมาในหลาย ๆ ฉากคือสามารถเอาไปใส่กรอบติดฝาบ้านได้เลย สวยมาก และที่น่าประทับใจอีกอย่างคือการเล่นกับแสงสีในหลาย ๆ ฉากกอปรกับการเปลี่ยนอารมณ์ของตัวละครนี่ทำให้ว้าวมาก สมกับเป็นไรอัน เมอร์ฟี
สุดท้ายนี้ ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นที่สุดของพล๊อตดี หักมุมหลบไปมา หรือแม้กระทั่งความหลอนความสยองขวัญตามแบบฉบับของหนังอเมริกัน แต่เป็นหนังที่นำเสนอทุกวินาดีได้ดีมาก ดูไปทุกฉากทุกตอน มีเรื่องให้ลุ้นให้กดดันได้ตลอดเวลา ไม่มีจังหวะพัก เพราะอะไรก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้หมดในหนังเรื่องนี้
สุดท้ายของสุดท้าย ขอบอกว่าเป็นซีรีส์คุณภาพที่ต้องดูให้ได้ ไปดูกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น