Into the Night เป็นซีรีส์ตื่นเต้นระทึกขวัญชั้นดีจากประเทศเบลเยียม เล่าเรื่องของกลุ่มคนที่ถูกปล้นเครื่องบิน นำไปสู่การหนีตายจากเหตุการณ์วันโลกาวินาศ ซีรีส์มีความยาว 6 ตอน ตอนละประมาณ 30 - 40 นาที โดยสเกลของเรื่องเกี่ยวของกับมหันภัยของคนทั้งโลก แต่การถ่ายทำอยู่ในระดับสเกลเล็ก มีแค่ตอนต้นกับตอนจบที่มีคนเยอะหน่อย
นายทหารนาโต้แย่งปืนจากทหารในสนามบิน วิ่งบุกเข้าไปบนเครื่องบินที่กำลังเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ก่อนที่จะบังคับกัปตันพาเขาไปทางซีกโลกตะวันตกแบบไม่มีจุดหมาย ต่อมาเขาอธิบายว่า เขาได้ยินข้อมูลจากการประชุมของนาโต้ ที่ตอนนี้โลกกำลังประสบภาวะการได้รับอันตรายจากรังสีแกมมาบนดวงอาทิตย์อย่างรุนแรง จนกระทั่งทุกคนที่ถูกแสงแดด อาจเสียชีวิตล้มลงในทันที
ต่อมาลูกเรือคนหนึ่งพยายามอธิบายสมมติฐานว่า ทำไมพระอาทิตย์ถึงฆ่าคนได้ เป็นเพราะเกิดการระเบิดบนดวงอาทิตย์ เกิดการปล่อยรังสีแกมมาขนาดใหญ่และเป็นปริมาณมากพอที่จะทำความเสียหายให้กับ DNA ของสิ่งมีชีวิต จนถึงขั้นทำให้ตายทันทีที่โดนแสง ซึ่งในภายหลังตัวซีรีส์ปล่อยภาพเหตุการณ์ที่บอกว่าแสงอาทิตย์ทำความเสียหายให้กับอาหารสด เช่น ผลไม้ ที่กินไปก็เหมือนไม่กิน เพราะความสดและคุณค่าทางอาหารนั้นหายไปเสียแล้ว กลายเป็นต้องกินอาหารกระป๋องแทน
แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์ไม่ได้เฉลยว่า รังสีแกมมาที่รุนแรงมากนี้ส่งผลต่อ สิ่งมีชีวิตยืนต้นอย่างพืชอย่างไรบ้าง ?
เหตุการณ์หนีตายบนเครื่องบินนี้สนุกตรงที่รู้ว่า คนบนเครื่องมีหลายประเภท วิศวกร พนักงานบนเครื่อง กัปตัน ทหารนาโต้ มาเฟีย คุณแม่ที่ขายไตเพื่อหาเงินค่าผ่าตัดให้ลูก พนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นต้น การที่มีคนหลายแบบมาอยู่รวมกันในสถานการณ์ที่ต้องเอาชีวิตรอด จึงทำให้เรื่องนี้สนุก ยิ่งการตัดสินใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรม ที่ในยามปกติยังหาข้อยุติไม่ได้นั้น สนุกมาก เช่น คนนี้เป็นมาเฟีย ขโมยของ สมควรเอาไว้ในกลุ่มหรือไม่ หรือควรเอาไว้เพียงเพราะ คนนี้มีความสามารถที่จะพากลุ่มส่วนรวมให้รอดต่อไปได้ จะเลือกอะไรระหว่างศีลธรรม และชีวิตรอด
ทุกคนล้วนมีคำตอบในใจ...
ประเด็นนึงที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าสนุกมากขึ้น คือ การเปลี่ยนไปหรือการเติบโตของตัวละครจากเหตุการณ์ที่คับขัน จนทำให้เขาเติบโตขึ้น หรือบางตัวละครอาจจะแสดงพฤติกรรมด้านลบหรือสันดานออกมาชัดเจนขึ้น ผู้ช่วยเหลือ
ปกติการคงอยู่ของกลุ่มในซีรีส์ มักจะมีการบอกตำแหน่งว่าใครเป็นผู้นำไว้อย่างเด่นชัด แต่ในเรื่องนี้ ผู้นำจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และความเชี่ยวชาญ จนสุดท้ายซีรีส์จะบอกเราว่าใครคือผู้นำ
จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือ ทุกอย่างดูตื่นเต้น รวบรัด เร่งรีบ หนีตาย ตั้งแต่ฉากแรก มีสถานการณ์เร่งด่วนให้ต้องแก้ไขในทุกตอน เหมือนเป็นมิชชันอิมพอสสิเบิ้ลที่ต้องทำให้สำเร็จ ดังนั้นผู้ชมจะรู้ได้เลยว่าตอนนี้กำลังทำอะไรเพื่ออะไร ถ้าทำไม่สำเร็จ ตาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น