วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2563

Devil [2010] ถ้าปีศาจมีจริง พระเจ้าก็มีจริงเช่นกัน

Devil ปีศาจ 2010
 Devil ปีศาจ นำเสนอเรื่องราวสุดแสนจะกดดันคนดู ด้วยการนำเสนอเรื่องราวของความเชื่อในปีศาจ หรือ เดวิล หรือ มาร ที่ต่างกันไปในแต่ละศาสนา โดยการนำคนที่มีความผิดปาปทั้งห้าคนมาอยู่ด้วยกัน เรียกว่า Devil Meeting เพื่อเดวิลจะนำคนผิดเหล่านั้นไป “ไปไหนไม่รู้”

เรื่องราวสุดสยองนี้เกิดขึ้นในตึกสูงชั้นนำแห่งหนึ่งของเมือง โดยสถานที่มีตติ้งคือภายในลิฟต์ที่ติดค้างอยู่ชั้นที่ 35 ติดโดยไม่มีสาเหตุ วิศวกรที่เข้าไปพยายามแก้ไขก็ไม่อาจหาสาเหตุได้ จนสุดท้ายต้องตกลงมาตายบนหลังคาลิฟต์นั่นเอง ซีเคียวริตี้อีกคนที่ไปดูฐานลิฟต์ใต้ดินก็พบกับชะตากรรมสุดสยอง ถูกไฟดูดจนเจียนตาย

สาเหตุที่นำคนทั้งห้าคนมาอยู่ด้วยกันไม่มีใครทราบ แต่ผมขอแนะนำเหล่าคนบาปตามลำดับของการตาย คนแรก เซลล์แมน ที่มีความผิดในการทำให้หลายคนต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก ตายด้วยการถูกกระจกแทงเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่คอ คนที่สอง หญิงชรา มีความผิดฐานขโมย ก่อนขึ้นลิฟต์มาก็ได้ทำการขโมยกระเป๋าเงินของมาดามคนหนึ่งตรงล๊อบบี้ ตายโดยการถูกสายไฟพันคอจนตาย คนที่สาม รปภ ที่เข้ามาทำงานได้สองวัน มีความผิดในการชอบใช้ความรุนแรง เคยใช้ไม้เบสบอลตีคนจนเข้าโรงพยาบาล ตายโดยการถูกหักคอหันเข้ากับมุมลิฟต์ คนที่สี่ ผู้หญิงขี้โกหก มีความผิดฐานหลอกลวงผู้ชายที่แต่งงานแล้วเพื่อหวังเอาทรัพย์สินของเขา ตายโดยการถูกกระจกบาดเข้าที่คอจนตายเช่นกัน คนสุดท้าย ชายหนุ่มผิวขาว มีความผิดฐานที่ขับรถชนคนแล้วหนีเมื่อห้าปีก่อน 

ในห้าคนนี้ ใครคือเดวิล ทุกคนต้องมาหาคำตอบกับหนังเรื่องนี้ การดำเนินไปของหนังเต็มไปด้วยปริศนาที่หนังปูทางมาให้เราคิดว่าทุกอย่างคือการกระทำของปีศาจ ทั้งอุบัติเหตุมีคนกระโดดตึกจากชั้น 35 ลงมาตายบนรถที่จอดอยู่ด้านล่าง ในกำมือยังมีลูกประคำสวดมนต์อยู่เลย และลิฟต์ติดอยู่ชั้น 35 รวมทั้งภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดที่ทำให้เห็นภาพใบหน้าคล้ายคน ทำให้คนดูต้องคิดแน่นอนว่านี่คือการกระทำของปีศาจ

โดยพยานในเหตุการณ์นี้มีสองคน คือ หนึ่งนายตำรวจที่สูญเสียลูกเมียจากเหตุการณ์ชนแล้วหนี และซีเคียวริตี้ที่มีภูมิหลังในความรู้เรื่องปีศาจเป็นอย่างดี พอมาคิดดูแล้วก็อาจจะเป็นความพยายามของปีศาจเองที่ทำให้มนุษย์คิดว่าพวกมันมีอยู่จริงจริง แต่อย่างไรก็ตาม รามิเรส ผู้เป็น รปภ ก็ทิ้งคำพูดที่น่าเชื้อไว้ว่า “หากปีศาจมีจริง พระเจ้าก็มีจริงเช่นกัน” อย่ากลัวไปเลย

สไตล์การดำเนินเรื่องของหนังทำให้เราไม่สามารถละสายตาจากหน้าจอได้เลย จนบางครั้งที่เผลอหยิบโทรศัพท์มากดก็ต้องกดแบ๊ควอร์ดกลับไปดูอีกครั้ง ทั้งลุ้นระทึกและน่าติดตามแบบช็อตต่อช็อตจริงจริง โดยเฉพาะผมเองที่เคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนแล้วก็ยังไม่สามารถละสายตาจากหนังเรื่องนี้ได้เลย

เป็นหนังสยองขวัญที่แนะนำให้ทุกคนได้ดู










ไม่มีความคิดเห็น: