ผู้สร้างวังยะหริ่ง คือ พระยาพิพิธเสนามาตย์ หรือ นิโวะ ในภาษามลายู ท่านเป็นเจ้าเมืองยะหริ่งรุ่นที่สาม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2438 สมัยปลายรัชกาลที่ 5 รวมอายุวังยะหริ่งจนถึงปัจจุบันได้ 124 ปี ก่อนที่ท่านจะสร้างวังท่านได้รับสามวัฒนธรรม คือ ยุโรป มลายู และอินโดนีเซีย มอบหมายให้ช่างเชื้อสายจีนจากรุงเทพมาสร้างวังแห่งนี้จากกรุงเทพ ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 5 ปี
- สไตล์ยุโรป ได้แก่ กระจกสามสี บันไดขึ้นลง และสวนหย่อมกลางบ้าน
- อินโดนีเซีย ได้แก่ ลวดลายตรงประตู ช่องลม เป็นรูปดอกไม้ หรือลายทะเล
เมื่อก่อนด้านบนจะเป็นที่อาศัย เป็นที่ตัดสินคดีความ ด้านล่างเป็นที่ทำงาน และเป็นคุกในสมัยก่อน
โดยพระยาพิพิธเสนามาตย์ หรือ นิโวะ มีลูก 6 คน
- พระยาพิพิธภักดี เคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลคนที่ 11
- ตวนกูรไซนับ เป็นฝั่งของคนยามู สายเจะโบ๊ะ สายแกะมา
- ตวนกูรบือเซาะ คุณแม่ของคนขายขนมโบว์อิสตานา
- ตวนกูรบาราเฮง หรือนายบันเทิง อับดุลบุตร ซึ่งเป็นคุณพ่อของคุณทวีศักดิ์ คุณเบญจะ คุณบรรจง คุณศรีสมร อับดุลบุตร หรือเป็นคุณปู่ของพี่อูม ข้าวผัดปู
- ตวนกูรเยาะ คุณแม่ของนายกยะหริ่ง
- นายพะยงค์ หรือตวนกูรมะหะหมัด
แต่คนที่อาศัยอยู่ที่วังยะหริ่งคือ ลูกของพระยาพิพิธภักดี
- มีภรรยาคนแรกคือ นิเยาะ มาจากตรังกานู มีลูก 1 คน คือ ตวนกูรอิสมาแอ เสียชีวิตแล้ว
- ภรรยาคนที่สอง คือ ตวนกูรซง ลูกหลานวังสายบุรี มีลูก 1 คน คือ ตวนกูรอับดุลฮามิด หรือ นายมานพ พิพิธภักดี ซึ่งเป็นคุณพ่อของเจ้าหญิงรัฐกลันตัน
- ภรรยาคนที่สาม คือ คุณยายสวัสดิ์ พิพิธภักดี ยังมีชีวิตอยู่ อายุ 97 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน คือ 1) คุณไวโรจน์ พิพิธภักดี อดีต ส.ส.จังหวัดปัตตานี 2) คุณวรภา สมุทรโคจร 3) คุณหญิงรุจิรา เดชอุดม ภรรยาของพลเอกณรงค์ เดชอุดม อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 โดยคุณหญิงรุจิรา เป็นเจ้าของเค้าโครงเรื่อง ลายมัสยา โดยคุณพนมเทียน ผู้แต่งเป็นเพื่อนกับพระยาพิพิธภักดี และ 4) คุณวัฒนาวิไล อับดุลบุตร ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเห็ดหลินจือ
ปัจจุบันวังยะหริ่งเป็นที่อยู่อาศัยของลูกหลาน มีสองครอบครัวที่อาศัยอยู๋คือ ครอบครัวของคุณหญิงรุจิรา และคุณวัฒนาวิไล กรมศิลป์เคยขอให้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน แต่ครอบครัวไม่ขอขึ้นทะเบียน เนื่องจากจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในนี้ได้
โดยในปัจจุบัน วังยะหริ่งเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะขึ้น มีการเก็บค่าเข้าคนละ 20 บาท เปิดวันจันทร์ถึงเสาร์ ปิดพักกลางวันหนึ่งชั่วโมง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น